ฉากไล่ฆ่า บนรถ จากสุดยอด 5 ภาพยนตร์ ระดับโลก

ฉากไล่ฆ่า บนรถ จากสุดยอด 5 ภาพยนตร์ ระดับโลก

สรุปบทความ

หนึ่งในฉากบู๊ของหนังแนวแอ็คชั่น ที่เรียกได้ว่าเป็นงานหินของทีมงานเบื้องหลังเลย นั้นก็คือ ฉากการซิ่งรถบนถนนนั่นเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ว่าฉากซิ่งรถเนี้ยแหละ ที่เป็นฉากที่ทำให้คนดูหนังอย่างเราๆ ลุ้น แบบนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ เหงื่อตก ใจเต้น ตุบตุบ ไปตามๆ กัน แล้วหนังเรื่องไหนบ้าง ที่มีฉากซิ่งรถสุดโหด สุดยอดแห่งวงการภาพยนตร์ เรามาดูกันเลย

คอหนัง หรือ Moviegoer ทั้งหลาย รู้ดีว่าไม่มีฉากใดที่เร้าใจ จิกหมอนแทบขาด ได้เท่าฉากไล่ล่า ฆ่ากันตายบนรถยนต์ ในหนังแนวแอ็คชั่น-ทริลเลอร์-ผจญภัย-เลือดสาด แน่นอน 

อาจจะฟังดูโหดไปหน่อย แต่ยอมรับเถอะค่ะ ว่าพวกเราคอหนังแอ็คชั่น สะใจเสมอ เมื่อได้เห็น…ลูกระเบิด เสียงลูกปืน และการได้เห็นวายร้ายพ่ายแพ้หรือเสียชีวิต

นอกจากฉากการไล่ล่ารถยนต์จะเป็นฉากที่มักทำเอาคอหนังได้นั่งลุ้นเหงื่อแตกแล้ว เรายังสามารถวัดคุณภาพของหนัง จากมุมกล้อง ความคมชัด การแคปเจอร์วิว และนักแสดง และการใช้สเปเชียลเอฟเฟคต่างๆ หรือที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษได้ง่ายๆ ว่า Cinematic Quality จากฉากแอ็คชั่นนี้ได้อีกด้วย

การถ่ายฉากไล่ล่าบนถนน โดยมีรถยนต์เป็นองค์ประกอบหลัก ถือว่าเป็นหนึ่งในงานหินของผู้กำกับฯ และ คนตัดต่อเลยก็ว่าได้ กว่าจะมาเป็นซีนคูลๆ ให้เราได้รับชมกันนั้น มันยากเย็นแค่ไหน ขั้นตอนการถ่ายทำเป็นอย่างไร แล้วมีหนังเรื่องใดบ้างที่มีฉากไล่ล่าบนรถยนต์ ที่อลังการน่าประทับใจ 

วันนี้ Kaidee รวบรวมทุกอย่างมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ  

เบื้องหลังการถ่ายทำฉากไล่ล่าบนรถยนต์

แม้ว่าฉากซิ่งรถในหนัง จะกินเวลาหนังอย่างมากไม่เกิน 5 นาที แต่เบื้องหลังกว่าจะมาเป็นซีนอลังการสู่หน้าจอได้นั้น ใช้เวลาการถ่ายทำ และเตรียมงานกันนานเป็นเดือนเลยทีเดียว

ขอบคุณรูปจาก latimes

เพื่อความปลอดภัยของนักแสดง และประหยัดเวลาในการถ่ายทำ หนังส่วนใหญ่มักจะใช้นักแข่งรถมืออาชีพ (Professional Stunt Man) แทนการใช้นักแสดงตัวจริง นอกจากนี้การใช้นักแข่งรถมืออาชีพ ยังทำให้ได้ภาพเทคนิคเรสซิ่ง (Racing) ทั้งการดริฟต์รถ สไลด์ เร่งเครื่อง เข้าโค้ง หรือการกระโดดข้ามลูกระนาดขั้นเทพ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมหาศาลในการตัดต่อมากมาย 

อย่างไรก็ตาม หนังบางเรื่องก็ใช้นักแสดงจริง เพื่อความเสมือนจริง ทั้งนี้ทางทีมงานจะใช้วิธีถ่ายทำในสตูดิโอ โดยการใช้รถยนต์จำลองกับ Green Screen สำหรับใส่วิวที่หลังในการถ่ายทำ  

ขอบคุณรูปจาก catdumb

การถ่ายทำฉากสำคัญเช่นนี้ มุมกล้องเป็นเรื่องสำคัญมาก การถ่ายทำจึงมักใช้กล้องจำนวนมาก เพื่อแคปเจอร์อารมณ์ของนักแสดง และการเคลื่อนไหวของรถยนต์ทุกมุมให้ได้มากที่สุด โดยการใช้เครนช่วยในการแขวนกล้องนั่นเอง

ขอบคุณรูปจาก premiumbeat

ส่วนฉากแอ็คชั่นมหึมา เช่น ฉากระเบิด หรือฉากยิงปืนนั้น มักจะใช้ CG (Computer Graphic) ในการสร้างมันขึ้นมา แต่ในบางครั้ง ทางทีมงานจะใช้รถโมเดลขนาด 1 ใน 3 ของรถขนาดจริง และสร้างระเบิดขนาดเล็กขึ้นมา เพื่อลดค่าใช้จ่ายและความปลอดภัย

ขอบคุณรูปจาก catdumb

เราพอรู้เรื่องเทคนิคการถ่ายทำฉากไล่ล่าทางรถยนต์กันแบบคร่าวๆ แล้ว มาดูกันดีกว่าค่ะ ว่ามีหนังเรื่องใดบ้าง ที่ได้สร้างสรรค์ฉากซิ่งรถ บู๊เลือดกระจายพวกนี้ จนกลายเป็นที่พูดถึงและถูกจารึกลงไปในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ 

5 ภาพยนตร์ สุดยอด Car Chase Scene

-Baby Driver, (2017) –

ขอบคุณรูปจาก informandotentn24tv

ถ้าพูดถึงหนังซิ่งรถมัน ๆ สักเรื่อง แน่นอนว่าใคร ๆ ก็ต้องคิดถึงเรื่อง ‘Fast and Furoius’ ซึ่งก็ไม่เถียงค่ะ เพราะเรื่อง Fast and Furious เขาเจ๋งจริงๆ ไม่งั้นเขาจะมีมาทั้งหมด 9 ภาค แถมดังถล่มทลายแทบทุกภาคได้ยังไง

แต่ถ้าใครชอบแนวเกรียน ๆ ฮา ๆ แต่ดันลุ้นแบบนั่งไม่ติดเก้าอี้ละก็ ‘Baby Driver’ เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด อีกหนึ่งผลงานการกำกับฯ ของผู้กำกับยอดฝีมือ Edgar Wright ผู้สร้างหนังดังแนวโหด มัน ฮา มาแล้ว เช่น  Scott Pilgrim vs. the World (2010), The World’s End (2013), Ant-Man (2015) ภาคแรก และอีกมากมาย

ขอบคุณรูปจาก pitchfork

เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา เขาก็ได้กลับมาทวงบัลลังก์อีกครั้งกับภาพยนตร์เรื่อง Baby Driver 

เรื่องราวของเด็กหนุ่ม เบบี้ (รับบทโดย Ansel Elgort) ที่รับหน้าที่เป็นคนขับรถหนีตำรวจ ให้กับแก๊งอาชญากร ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้เต็มใจทำงานสกปรกเช่นนี้ แต่เพราะหนี้สินก้อนโต ทำให้เขาต้องจำใจ จุดเด่นของหนังเรื่องนี้ ไม่ได้มีแค่ฉากดริฟต์รถยางแตกกับนางเอกสุดเซ็กซี่ เหมือนหนังซิ่งรถที่เราคุ้นเคย แต่ดนตรีประกอบภาพนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เรื่อง Baby Driver กลายเป็นหนัง Action Thriller ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครกล้าเหมือน

และเพียงแค่ 6 นาทีแรก ก็เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมไปทั่วโลก นอกจากนี้ยังเป็น 6 นาทีเปิดตัวหนังที่สมบูรณ์ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการหนังเลยก็ว่าได้ 

เพราะนอกจากจะแนะนำนิสัยของตัวละครได้อย่างแยบยลในเวลาสั้น ๆ แล้ว ยังได้โชว์ฝีมือการดริฟต์รถหนีตำรวจที่คาดไม่ถึง จากรถยนต์หน้าตาเห่ยแต่เครื่องโหดอย่าง Subaru WRX เรียกได้ว่าทำเอาจิกหมอนแทบขาดเลยทีเดียว 

-Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw (2019) –

ขอบคุณรูปจาก racinecountyeye

ลิสต์นี้จะสมบูรณ์ไม่ได้ ถ้าหากขาดเรื่อง Fast and Furious หนังซิ่งรถโหด ขวัญใจคนรักสปีด และแน่นอนว่าทุกภาคของ Fast and Furious จะต้องมีฉากดริฟต์รถ ซิ่งฝ่าไฟแดง ไม่กลัวใบสั่ง แบบเด็ด ๆ ให้ได้ลุ้นแบบหายใจไม่ทันกันอยู่แล้ว แต่หนึ่งในฉากซิ่งรถที่เป็นที่พูดถึงจากแฟนคลับมากที่สุดนั้น กลับมาจากภาคแยกแฟรนไชส์ Fast & Furious  เรื่อง  Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw นั่นเอง

ขอบคุณรูปจาก markhamfroggattandirwin

Fast & Furious: Hobbs & Shaw เป็นเรื่องราวของสองคู่ปรับที่เกลียดกันเข้าไส้  ลุค ฮอบส์ (รับบทโดย Dwayne ‘The Rock’ Johnson ) และ เด็คการ์ด ชอว์ (รับบทโดย Jason Statham) โดยโชคชะตากลั่นแกล้งให้ทั้งสองต้องหันมาร่วมมือกัน กับจัดวายร้ายที่ร้ายกาจยิ่งกว่า นอกจากฉากซิ่งรถสุดมัน ซิกเนอร์เจอร์ของ Fast แล้ว การปะทะวาจาอย่างดุเดือนของตัวละครทั้ง 2 ก็เป็นสิ่งที่แฟนๆ ตั้งหน้าตั้งตารอเป็นที่สุด 

https://www.youtube.com/watch?v=5B0MneZ-Bh0

ความพิเศษของฉากนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นการซิ่งรถกันใจกลางเมืองลอนดอน ผ่านอุปสรรคทั้งการจราจร และการสัญจรไปมาของผู้คน ความมันสุดๆ อยู่ที่การใช้มอเตอร์ไซค์ แทนการใช้รถนั่นเอง

แต่ความลุ้นตีนจิก ก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ เพิ่มความ Badass ให้กับฉากนี้เข้าไปอีก 10 เท่า เมื่อ ตัวละคร Brixton กระโดดลงมาจากมอเตอร์ไซค์ และไถ่ตัวไปพร้อมกับมันใต้ท้องรถบรรทุก เรียกได้ว่า ทำเอาคนดูลืมหายใจกันเลยทีเดียว 

ขอบคุณรูปจาก bikebound

มอเตอร์ไซค์สุดคูลตัวนี้คือ Triumph Speed Triple ซึ่งมีแรงม้ามากถึง 148 แรงม้า และเครื่องยนต์แรงถึง 1050 cc โมเดลของ Triumph ตัวนี้ ถูกผลิตครั้งแรกเมื่อปี 1994 โดยมีสไตล์ที่เรียกว่า ‘Streetfighter’

-Fast & Furious 6 (2013)- 

ขอบคุณรูปจาก spoilmovieclub

ถ้าพูดถึงความ ‘เว่อร์’ ของฉากซิ่งรถแล้ว Fast and Furious ภาค 6 ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งไปแบบไม่ต้องสงสัย 

การกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของผู้กำกับฯ Justin Lin ผู้กำกับฯ ภาค 3, 4 และ 5 และ Chris Morgan คนเขียนบท คนเก่งคนเดิม

หลังจากที่แก๊งขาซิ่ง แยกย้ายกันไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง แต่เหมือนชีวิตของพวกเขาก็ไม่ยอมจะได้อยู่อย่างสงบง่ายๆ เมื่อ ลุค ฮอบส์ ตามตัวพวกเขาเจอ และขอให้พวกเขามาร่วมมือช่วยกันกำจัดวายร้ายด้วยกัน โดยผลตอบแทนคือ การให้อภัยโทษ และการอนุญาตให้ได้กลับบ้านมาอยู่กับครอบครัวอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง

คนไหนกำลังหาหนังที่มีฉากไล่ล่า “เว่อร์ เกินจริง แต่มัน เกินบรรยาย” เพื่อน ๆ มาถูกทางแล้วค่ะ เพราะฉากจบของ Fast and Furious 6 ซึ่งเป็นฉากที่ตัวร้าย Shaw กับสมาชิกแก๊งของเขาพยายามขับรถหลบหนีบนรันเวย์เครื่องบิน เพื่อขึ้นไปยังใต้ท้องเครื่องบินให้ทันเวลา แน่นอนว่าเหล่าแก๊งซิ่ง พระเอกของเราก็ได้ใช้สกิลที่มีทั้งหมด ทั้งเร่งเครื่อง ทั้งเหวี่ยง ทั้งดริฟต์ เพื่อขัดขวางการหลบหนีครั้งนี้ ฉากนี้ขอบอกเลยว่าเร้าใจมากๆ จบด้วยการระเบิดของเครื่องบิน โดยมีฮีโร่ของเราขับรถเท่ๆ ขนาบข้าง นั่นเอง

-Tenet (2020) –

ขอบคุณรูปจาก charlottesometimesgoestothemovies

คนไหนเป็นแฟนพันธุ์แท้ James Bond 007 หรือ The King’s Man เรื่อง ‘Tenet’ เป็นอีกเรื่องที่เพื่อนๆ ต้องถูกใจแน่นอน Tenet เป็นเรื่องราวของสายลับนิรนาม  (รับบทโดย จอห์น เดวิด วอชิงตัน)  ที่ได้บังเอิญเข้าร่วมองค์กรสายลับ ที่กุมความลับขั้นสุดยอด เพราะพวกเขาสามารถควบคุมกระแสเวลา และทำให้วัตถุกลับมาเป็นสภาพเดิมได้อีกครั้ง ด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า เทเน็ท (Tenet) 

การเข้าร่วมองค์กรในครั้งนี้ เขากลับต้องแบกภาระอันหนักอึ้ง ในการช่วยโลกให้พ้นจากสงครามโลกครั้งที่ 3 ไปให้ได้

หนังแนวแอ็คชั่น บู๊ล้างผลาญ เพิ่มคุณภาพ และความสนุก ด้วยความรู้ทางฟิสิกส์ เรียกได้ว่า “แปลก แต่เป็นไปได้จริง”

แน่นอนว่าขึ้นชื่อว่าหนังสายลับ ฉากยิง และฉากปล่อยหมัด ทุกอย่างก็จัดเต็มอย่างไม่ต้องสงสัย แต่หนังเรื่อง Tenet เขาก็มีฉาก ไล่ล่า กันบนถนนให้แฟนได้ลุ้นกับเขาเหมือนกัน

บอกก่อนเลยว่า ฉากซิ่งรถของเรื่องนี้ แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ เพราะ Christopher Nolan ผู้กำกับฝีมือเทพ ได้นำองค์ประกอบสำคัญที่สุดของหนัง นั่นก็คือความสามารถในการย้อนเวลา มาเล่น ดังนั้นฉากนี้มีทั้งเทคนิค เร่งรถไปข้างหน้า ถอยหลัง ตีลังกา ระเบิด จนกระทั่งย้อนกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง  

Christopher เผยเองกับปากเลยว่า เขาอยากให้ผู้ชมได้เห็นฉากซิ่งรถในมุมที่ต่างออกไป ไม่ซ้ำ จำเจเหมือนอย่างเคย เพื่อเพิ่มความลุ้นระทึก ให้คนดูได้หยุดหายใจกันเล่นๆ

 -Harry Potter and The Chamber of Secrets (2002) – 

ขอบคุณรูปจาก moviebabble

เราขอปิดท้ายกันด้วย ภาพที่ไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อ อย่าง Harry Potter แม้ว่า Harry Potter ทั้ง 7 ภาค จะเป็นเรื่องราวการผจญภัยของ Harry พ่อมดน้อย กับเพื่อนของเขา Ron และ Hermione ในโลกเวทมนตร์ รวมไปถึงการต่อสู้กับวายร้าย Lord Voldemort ซึ่งก็ไม่ได้มีฉากดริฟต์รถมันๆ เหมือนเรื่องที่เรายกตัวอย่างมาให้ดูกันข้างบน

แต่เพื่อนๆ เชื่อไหมว่าฉากรถไอคอนิกที่สุดในประวัติศาสตร์วงการภาพนั้น กลับมาจากหนังเด็ก Harry Potter: The Chamber of Secrets ค่ะ 

https://www.youtube.com/watch?v=I6mFICxz_KI

นอกจากฝีมือของ Chris Columbus ผู้กำกับมือทอง ที่สามารถเปลี่ยนตัวหนังสือ เป็นภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอแก้วได้อย่างสง่างามแล้ว อีกสิ่งที่ทำให้ฉากนี้เป็นที่จดจำมานานกว่า 10 ปี ไม่เลือนหายไปจากความทรงจำของ ‘Potterhead’ อย่างเรา นั้นก็คือ ความรู้สึก Nostalgia ที่เราได้ฉากการดูฉากนี้นั่นเอง 

ความ Nostalgia ที่ว่านี้ ส่วนหนึ่งมาจากเจ้าตัวรถยนต์ ‘Ford Anglia 105E Deluxe’ คันสีฟ้าอ่อนคันนี้ ซึ่งเป็นรถยนต์ครอบครัวขนาดเล็กสุดคลาสสิก ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานหลายทศวรรษ เราก็ยังคงเห็นมันตามท้องถนนอยู่เสมอ 

การที่รถยนต์เล็กๆ ใกล้จะพังคันนี้ ได้บินไปช่วย Harry หนีออกจากบ้าน และสามารถกลับไปเรียนที่โรงเรียนสอนเวทมนตร์ Hogwarts ได้สำเร็จอีกปี ก็ทำให้เราคิดถึงช่วงเวลาวัยเด็ก และมิตรภาพระหว่างเพื่อนได้อย่างไม่น่าเชื่อ 

สรุปท้ายบทความ

สำหรับใครที่เป็นคอหนังแอ็คชั่นกันอยู่แล้ว คงพอคุ้นหน้าคุ้นตากับตัวอย่างหนังทั้ง 5 เรื่องที่เรานำมาเป็นตัวอย่างกันในวันนี้ แน่นอนว่าฉากบู๊ เลือดสาดทั้งหลายนั้น มีสเปเชียลเอฟเฟกต์ และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ CG ช่วยเพื่อให้ภาพเกิดความสวยงาม และละเว้นเรื่องข้อบังคับทางกฎหมายในการขับรถ เพื่อคงความระทึก เร้าใจให้กับผู้ชม ดังนั้นการขับรถในชีวิตจริง เพื่อนๆ ต้องระวังกันนะคะ เพื่อความปลอดภัยของตัวเพื่อนๆ เอง

หากใครสนใจรถมือสอง ราคาดีๆ คุณภาพแจ่ม ลองแวะมาที่ Kaidee ก่อนได้นะคะ เผื่อใครอยากจะลองเท่ ขับรถคลาสสิกกับเขาดูบ้าง 

สอบถามข้อมูลอื่นๆ หรือสิทธิพิเศษเพิ่มเติม

กรุณาสแกนคิวอาร์โค้ด หรือเพิ่มเพื่อนด้วยไอดีไลน์ @kaideeofficial