โรงเรียนสอนขับรถพร้อมใบขับขี่ดีจริงหรือ??

โรงเรียนสอนขับรถพร้อมใบขับขี่ดีจริงหรือ??

สรุปบทความ

เป็นอย่างไรกันบ้าง เมื่ออ่านข้อมูลทั้งหมดดูแล้ว ลองนำมาชั่งน้ำหนักกันดูว่า คุณนั้นมีคนที่สามารถช่วยสอนคุณขับรถได้ โดยที่จะไม่ทะเลาะกันหรือไม่ หรือถ้าหากคุณรู้แล้วว่าเป็นคนที่เหมาะกับการไปเรียนที่โรงเรียนสอนขับรถพร้อมใบขับขี่ ก็ลุยโลด!! เพราะสามารถประหยัดเวลาได้หลายชัวโมงเลยทีเดียว

เดี๋ยวนี้การที่จะเรียนขับรถนั้นก็ไม่ได้ยากเท่าไรนัก เพราะสมัยนี้มีโรงเรียนสอนขับรถพร้อมใบขับขี่อยู่ทุกที่เต็มไปหมด อีกทั้งรถยนต์ในตอนนี้ก็ขับง่ายแถมมีระบบที่เข้ามาช่วยให้ผู้ขับขี่ ขับรถได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงรถยนต์เกียร์ธรรมดาที่ค่อย ๆ หายไปตามกาลและเวลา โรงเรียนสอนขับรถจึงเป็นทางเลือกหนึ่ง ถ้าหากคุณอยากขับรถเป็น

ในโรงเรียนสอนขับรถพร้อมใบขับขี่มีอะไรบ้าง

ตามที่กฎหมายได้กำหนดเอาไว้ ผู้ที่จะสอบใบขับขี่จะต้องผ่านการอบรมทฤษฏีและกฎจราจรเป็นเวลา 5 ชั่วโมง ก่อนที่จะสามารถสอบใบขับขี่ได้ โรงเรียนสอนขับรถจึงเริ่มต้นตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำให้ โดยสอนตังแต่การขับรถ อบรมกฎจราจร สอบภาคทฤษฎี และสอบภาคปฏิบัติของใบขับขี่ มาครบจบในที่เดียว 

จำเป็นจริงหรือ?? ที่จะไปเรียนในโรงเรียนสอนขับรถ

ใช่ว่าการไปเรียนในโรงเรียนจะเหมาะกับทุกคน เพราะถ้าหากสามารถฝึกได้ด้วยตัวเอง บวกเข้ากับมีคนช่วยสอน ก็อาจจะไม่จำเป็นเท่าไรนัก แต่มันก็มีปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วย จะดูแค่นี้ไม่ได้ ถ้าหากเป็นอย่างนั้น ใครบ้างล่ะที่จะเหมาะสมกับการเรียนในโรงเรียนสอนขับรถพร้อมใบขับขี่

โรงเรียนสอนขับรถเหมาะกับใคร

1. เหมาะกับผู้ที่ไม่มีคนรู้จักที่ขับรถเป็นคนช่วยสอน

เพราะผู้จะสอนขับรถได้ จะต้องเป็นผู้ที่มีใบขับขี่มาแล้วอย่างน้อย 3 ปี และนั่งข้างผู้เรียนอีกด้วย ทำให้เป็นข้อกำหนดที่ค่อนข้างจะหาได้ยากสักหน่อย (ถ้าหากไม่ตรงตามนี้ก็จะผิดกฎหมายด้วยนะ)

2. ไม่ค่อยมีเวลาเท่าไรนัก

โรงเรียนสอนขับรถพร้อมใบขับขี่นั้นเหมาะเป็นอย่างมากสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าไร เพียงใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมง ในช่วงเย็น หรือว่าจะเรียนยาว ๆ (ทั้งนี้อยู่ที่คอร์สที่ลง) สามารถปรับเปลี่ยนเวลาให้ตรงกับความว่างของตัวคุณเองได้

3. ไม่ชอบการรอนาน ๆ ที่ขนส่ง

เป็นอีกทางที่ใช้เงินแก้ปัญหาเรื่องเวลา เพราะการไปขนส่งแต่ละที นอกจากจะรอนานทั้งรออบรม รอสอบทฤษฎี รอสอบปฏิบัติ บางทีใช้เวลาหลายวันมาก (ไหนจะต้องเผื่อว่าจะไม่ผ่านอีก) ทำให้เสียเวลาเข้าไปใหญ่ การที่โรงเรียนมีให้ครบ นั่นหมายความว่าสามารถ สอบซ่อมภายในวันเดียวได้เลย ไม่ต้องไปรอต่อคิว

4. กลัวทะเลาะกับคนรู้จักที่มาช่วยสอน

บอกเลยว่าข้อนี้เป็นกันเกือบทุกคน เวลาให้คนที่รู้จักช่วยสอน มักจะทะเลาะกัน จนทำให้การเรียนไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรนัก อาจจะเป็นเพราะว่าคนที่ขับเป็นเมื่อสอนให้ผู้เรียน ผู้เรียนทำไม่ได้ ก็อาจจะอารมณ์ร้อน และถ้ามองมุมกลับกันผู้เรียนก็ขับรถไม่เป็น อาจจะทำให้หงุดหงิดขึ้นได้เช่นเดียวกัน (ทางที่ดีมองใจเขาใจเรา สอนกันดี ๆ ด้วยความเข้าใจกันด้วยล่ะ)

5. คนที่ยังไม่มีรถเป็นของตัวเอง

เป็นเรื่องลำบากไม่ใช่น้อย หากไม่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง หรือคนในครอบครัวต่างก็ไม่มีรถ เพราะการยืมรถของใครมาเพื่อฝึกขับก็คงจะไม่ดีเท่าไรนัก ดังนั้นการไปเรียนที่โรงเรียนสอนขับรถ จะมีอุปกรณ์ให้ครบ รวมไปถึงรถยนต์สำหรับฝึกที่มีเบรกอยู่ทั้งฝั่งคนขับและฝั่งผู้สอน

ข้อเสียของการไปเรียนที่โรงเรียนสอนขับรถ

การไปเรียนถึงแม้จะได้ความสะดวกสบาย รวดเร็วทันใจ แต่ว่าก็มีข้อที่ต้องนำมาคิดก่อนตัดสินใจว่าควรไปเรียนดีไหมอยู่ 

1. ค่าใช้จ่ายสูง

จะบอกว่าค่าเรียนแพงขนาดรับไม่ได้ก็คงจะไม่ใช่ เพราะคอร์สเรียนส่วนใหญ่จะเริ่มอยู่ที่ 5,500 บาท เรียนทั้งหมด 10 ชั่วโมงเท่านั้น ไม่รวมการสอบ (ซึ่งหากว่าเรียนแล้ว ยังไม่ได้ขับรถจริง อาจจะยังไม่คุ้มค่าเท่าไรนัก เพราะว่าการขับรถต้องใช้ความกล้าในการออกถนนใหญ่ด้วย (ซึ่งเป็นปัญหาของหลาย ๆ คน ที่เรียนมาแล้วขับจริงไม่ได้)

2. คิวของแต่ละช่วงเวลาที่ต้องจอง

แน่นอนว่าการเรียนวันละ 2 ชั่วโมง ทุกวัน ๆ มันจะมีอยู่ไม่กี่ช่วงเวลาที่เหล่าวัยทำงานจะว่างมาเรียน นั่นก็คือช่วงเวลาหลังเลิกงาน นั่นหมายความว่าเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนต้องการเรียน ทำให้เกิดการจองเวลาเรียนที่ยาก บางครั้งอาจจะต้องรอ 2 – 3 เดือนกันเลยทีเดียวกว่าได้จะได้เริ่มเรียนจริง ๆ

3. คนสอนที่เลือกไม่ได้

เป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่ไม่อาจจะรู้ได้เลยก่อนเรียนว่า ตัวคุณนั้นจะต้องไปเจอกับใครที่จะมาสอน หากสอนได้ดีก็ดีไป แต่ถ้าหากไม่ดี ก็ถือว่าซวย อาจจะเป็นการเสียเงินฟรี ๆ เลยก็เป็นไปได้ ถึงแม้ว่าคุณจะดูรีวิวมาจากหลาย ๆ แหล่งแล้วก็ตาม

หลังจากเรียนเสร็จต้องทำอะไรบ้าง

เมื่อผ่านกระบวนการทั้งหมดในการเรียนทั้งหมด 10 ชั่วโมงเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งการสอนนั้นจะมีทั้งการขับอยู่ภายในโรงเรียนและการสอนขับออกไปบนถนนจริง เมื่อจบหลักสูตรภาคปฎิบัติแล้ว ก็ยังมีขั้นตอนต่อจากนี้อีก ไม่ใช่น้อย

เรียนกฎหมายจราจรอีก 5 ชั่วโมง

เป็นข้อกำหนดทางกฎหมาย ก่อนที่จะสอบใบขับขี่ได้จะต้องผ่านการอบรม 5 ชั่วโมงก่อน ซึ่งทางโรงเรียนสอนขับรถพร้อมใบขับขี่ก็จัดให้กับการอบรบจนครบเวลา เพื่อที่จะสามารถไปสอบในขั้นถัด ๆ ไป รวมไปถึงการนำไปใช้จริงบนท้องถนนในประเทศไทยได้อีกด้วย (เพราะเรื่องกฎจราจรนั้นสำคัญเป็นอย่างมาก)

สอบภาคทฤษฏี

ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนของการสอบแล้ว เหมือนกับการไปสอบที่กรมขนส่งทุกประการ ต่างกันแค่ว่าไม่ต้องไปที่กรมขนส่ง แต่สอบที่โรงเรียนได้เลย ซึ่งเกณฑ์ในการผ่านก็คือต้องได้ 45 ข้อ จากทั้งหมด 50 ข้อ นั่นหมายความว่าผิดได้แค่ 5 ข้อเท่านั้น (ข้อสอบไม่ยากเพราะเป็นสิ่งที่เราเห็น ๆ กันในชีวิตประจำวันกันอยู่แล้ว)

สอบภาคปฏิบัติ

ต่อกันที่สอบภาคปฎิบัติ หลังจากสอบภาคทฤษฎีจบไปและผ่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ต้องลงมาสอบกันต่อที่สนามขับขี่ โดยก็สอบเหมือนที่กรมขนส่งกำหนด คือ 3 ท่าบังคับ (ซึ่งจะต้องผ่านทั้งหมด)

  • ทดสอบเดินหน้า – ถอยหลัง
  • ทดสอบถอยจอดเข้าซอง
  • ทดสอบจอดเทียบทางเท้า

เตรียมเอกสารเพื่อไปยื่นรับใบขับขี่

ขั้นตอนนี้คือทุกอย่างเสร็จสิ้น ทางโรงเรียนสอนขับรถพร้อมใบขับขี่จะให้ “เอกสารรับรอง” ทีนี้ก็เหลือแค่เตรียมเอกสารให้พร้อมและเดินทางไปทำใบขับขี่ที่กรมขนส่งประจำจังหวัด

เอกสารที่ต้องเตรียมไปด้วย

  • เอกสารรับรองจากทางโรงเรียน
  • ใบรับรองแพทย์ (สามารถใช้ใบรับรองจากคลินิกก็ได้)
  • ค่าธรรมเนียม 205 บาท

ไปรับใบขับขี่ที่กรมขนส่ง

ท้ายที่สุดคือการไปที่กรมขนส่ง กำเอกสารทั้งหมดไป รอเรียกเพื่อถ่ายรูปและรอรับใบขับขี่ และสามารถกลับบ้านได้เลย (ทีนี้ก็จะสามารถขับรถได้อย่างถูกกฎหมายแล้ว)

สรุปท้ายบทความ โรงเรียนสอนขับรถพร้อมใบขับขี่ดีจริงหรือ??

เป็นอย่างไรกันบ้าง เมื่ออ่านข้อมูลทั้งหมดดูแล้ว ลองนำมาชั่งน้ำหนักกันดูว่า คุณนั้นมีคนที่สามารถช่วยสอนคุณขับรถได้ โดยที่จะไม่ทะเลาะกันหรือไม่ หรือถ้าหากคุณรู้แล้วว่าเป็นคนที่เหมาะกับการไปเรียนที่โรงเรียนสอนขับรถพร้อมใบขับขี่ ก็ลุยโลด!! เพราะสามารถประหยัดเวลาได้หลายชัวโมงเลยทีเดียว

หลังจากที่ไปเรียนขับรถมาแล้ว ทำเรื่องจนได้ใบขับขี่มาเรียบร้อย หากคุณยังไม่มีรถยนต์สักคันแล้วล่ะก็ ลองเข้ามาดูเลยที่ Kaidee Auto ที่ ๆ รวมรถยนต์ราคาดี แถมมีตัวเลือกมากมายที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ และเหมาะกับรถยนต์คันแรกของคุณ

สอบถามข้อมูลอื่นๆ หรือสิทธิพิเศษเพิ่มเติม

กรุณาสแกนคิวอาร์โค้ด หรือเพิ่มเพื่อนด้วยไอดีไลน์ @kaideeofficial