เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เหล่าสาว ๆ อาจจะไม่ถนัดเท่าไรนัก ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของรถยนต์ เพราะการซ่อมแต่ละครั้งจะต้องเปื้อนคราบน้ำมันบ้าง หรือจะต้องมุดไปดูโน่นบ้างนี่บ้าง ก็อาจดูไม่เหมาะสำหรับสาว ๆ แต่การดูแลรถให้ดีก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพื่อที่จะให้รถยนต์นั้นมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ก็ควรที่จะหมั่นตรวจเช็กรถอยู่อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งก็คงจะเกิดคำถามขึ้นในหัวของสาว ๆ แน่ว่า
8 สิ่งที่ผู้หญิงสามารถทำได้ง่าย ๆ ไม่ต้องง้อผู้ชาย
1. ก่อนออกรถให้ตรวจดูที่พื้นว่ามีน้ำหยดไหม
เป็นการตรวจเช็กวิธีหนึ่งที่สามารถทำให้รู้ได้ว่า มีน้ำรั่วหรือไม่ เพียงแค่มองที่พื้นตรงที่รถจอดอยู่เท่านั้น ง่ายมากเลยใช่ไหมล่ะ ซึ่งน้ำที่รั่วออกมานั้น อาจจะเป็นน้ำหรือน้ำมันจากส่วนใดส่วนหนึ่งของรถก็เป็นได้
วิธีสังเกตหากหยดเป็นน้ำ
- อาจจะมาจากระบบแอร์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นน้ำทิ้งที่แอร์นั้นทิ้งออกมา อาจจะมาจากตัวกรองที่เสื่อมประสิทธิภาพแล้ว
- น้ำจากที่ปัดน้ำฝน ให้ลองนำน้ำไปเติมในช่องของที่เติมน้ำสำหรับปัดน้ำฝนดู หากเติมไปแล้วเห็นน้ำรั่ว แต่ว่าต้องเปลี่ยนตัวถังที่ปัดน้ำฝน
วิธีสังเกตหากหยดเป็นน้ำมัน
- น้ำมันเป็นสีแดง : เป็นสีของน้ำมันเกียร์
- น้ำมันสีน้ำตาลขุ่น : เป็นสีของน้ำมันเครื่อง
- น้ำมันเป็นสีน้ำตาลเข้ม : เป็นสีของน้ำมันเบรก
- น้ำมันเป็นสีเขียว เหลือง หรือชมพู : เป็นสีของน้ำมันระบบความเย็นในเครื่องยนต์
2. ตรวจลมยางอย่างสม่ำเสมอ
การตรวจลมอย่างเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ทำได้ง่าย แถมช่วยถนอมไม่ให้ดอกยางของรถนั้นสึกลงไปก่อนเวลาได้อีกด้วย ทั้งนี้ควรเติมลมยางที่เหมาะสมกับรถยนต์แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น โดยดูได้จากคู่มือรถ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว รถเก๋งจะเติมอยู่ที่ 32-35 PSI ซึ่งควรสอบอาทิตย์ละครั้ง
TIPS : หากไม่มีที่เติมลมแบบสามารถวัดค่า PSI ได้ ให้ไปเติมที่ปั๊มน้ำมันได้
3. สังเกตหน้าปัดรถให้เป็น
พูดได้เลยว่าจุดนี้เป็นศูนย์รวมของสิ่งที่จำเป็นไว้ทั้งหมดเลยก็ว่าได้ เพราะหากรถเกิดอาการผิดปกติที่ค่อนข้างจะเป็นอันตรายแล้ว ก็จะแสดงสัญลักษณ์รูปแบบต่าง ๆ มาเพื่อบ่งบอกว่าควรนำรถยนต์ไปตรวจเช็กและเปลี่ยนอะไหล่ได้แล้ว ซึ่งไม่ควรปล่อยทิ้งเอาไว้นาน เพราะอาจจะทำให้ส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องนั้นเสียหายตามมาได้ในอนาคต
4. ตรวจเช็กของเหลวส่วนต่าง ๆ ของรถ
ในส่วนนี้ผู้หญิงอาจจะต้องทำใจนิดนึงว่าอาจจะมีเปื้อนมือเล็กน้อย งั้นวิธีนี้ให้ไปทำวันที่คุณคิดว่าจะไม่ต้องไหนแล้วกัน เพราะเรื่องของเหลวในรถก็เป็นสิ่งสำคัญและมีที่ต้องดูหลายจุดเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละจุดหากเกิดการแห้งขึ้นมา ก็มีโอกาสที่จะทำให้รถยนต์เสียหายหรือพังได้เลย โดยส่วนที่จำเป็นต้องดูก็มีดังนี้
เช็กน้ำมันเครื่อง
ให้ดึงก้านวัดน้ำมันขึ้นมาเช็ดทำความสะอาดด้วยทิชชู่และเสียบกลับเข้าไป แล้วดึงออกมาใหม่ ให้ดูคราบน้ำมันที่ติดขึ้นมาบนก้านเช็ก หากระดับน้ำมันอยู่ที่ระดับตัวอักษรระห่าง F กับ L บนก้านถือว่าน้ำมันปกติ หากต่ำกว่า L ให้ไปเติมน้ำมันเครื่องได้แล้ว
เช็กน้ำมันเบรค
ให้ดูที่กระปุกน้ำมันเบรค โดยที่ระดับน้ำมันจะต้องไม่อยู่ต่ำกว่าขีดที่เขียนว่า MIN และก็ไม่ควรเติมให้เกินระดับ MAX เช่นเดียวกัน
เช็กน้ำหล่อเย็น
เป็นอีกส่วนที่ควรให้ความสำคัญ ควรจะให้น้ำหล่อเย็นนั้นอยู่ที่ Full เสมอ เพราะไม่อย่างนั้น อาจจะส่งผลให้เครื่องยนต์นั้นร้อนเกินกว่าปกติ และทำให้เกิดความเสียหายต่อเครื่องยนต์ได้
TIPS : ทุก ๆ การตรวจเช็คของเหลวในรถ ควรนำรถไปจอดในพื้นที่ราบเรียบ ไม่เอียง
5. เปลี่ยนยางที่ปัดน้ำฝน
ส่วนที่เปลี่ยนได้ง่ายที่สุดที่นึกออก ก็คงหนีไม่พ้น นี่เลย!! ยางของที่ปัดน้ำฝน เพราะรถยนต์ของเราย่อมโดนแดดโดนอากาศที่เปลี่ยนไปในแต่ละวัน ยางก็อาจจะมีการกรอบและแข็งขึ้น ซึ่งจะทำให้การปัดน้ำฝนนั้นแย่ลง หรือไม่แน่อาจจะปัดน้ำที่อยู่บนกระจกไม่ได้เลย ดังนั้นควรเปลี่ยนใหม่อย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อลดอุบัติเหตุขณะฝนตกและมองทางไม่เห็นได้อีกด้วย
6. พกอุปกรณ์ซ่อมและสายพ่วงติดรถไว้
การพกอุปกรณ์ซ่อมและสายพ่วงติดรถไว้ ถึงแม้ว่าสาวๆ อาจจะไม่ถนัดซ่อมเท่าไรนัก อย่างน้อยก็ยังพอที่จะสามารถ หาใครสักคนแถวนั้นที่พอจะช่วยได้ ซึ่งอุปกรณ์บางอย่างก็จะมีให้ในรถอยู่แล้ว คือ ที่เปลี่ยนล้อสำรอง แต่ที่ควรจะซื้อมาพกไว้เพิ่มเติมเลย ก็หนีไม่พ้นสายพ่วง กันแบตเตอรี่เสียหรือหมดระหว่างทาง อย่างน้อยพบเห็นคนใจดี ขอเค้าพ่วงแบตสักหน่อยก็ยังดี
อุปกรณ์ซ่อมอื่น ๆ ที่ควรพกติดรถไว้
- ชุดเครื่องมือช่าง
- ไฟฉาย
- แม่แรงแบบพกพา
- สายลากรถ
- ป้ายไฟฉุกเฉิน
TIPS : ถ้าหากรถยนต์มีประกัน ห้ามลืมที่จะพกคู่มือประกันติดรถเอาไว้ หากเกิดอุบัติเหตุรถชน จะได้สามารถโทรเรียกประกันมาประเมินความเสียหายได้
7. ทำความสะอาดรถให้ใหม่อยู่เสมอ
ในส่วนนี้อาจจะไม่เป็นเรื่องของการซ่อม แต่เป็นเรื่องของการถนอมรถที่รัก ให้คงสภาพเดิมได้ยาวนานมากที่สุด ด้วยประเทศไทยเป็นเมืองร้อน การตากแดดนาน ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีกับสีของรถเท่าไรนัก รวมไปถึงสิ่งสกปรกต่าง ๆ ก็อาจจะทำให้รถเป็นรอยได้เช่นเดียวกัน หมั่นทำความสะอาดรถให้ดูดี หรือนำไปให้ร้านล้าง อัด ฉีด อย่างน้อย ๆ เดือนละ 2 ครั้งก็ยังดี
8. วอร์มเครื่องยนต์ก่อนเริ่มขับขี่
สาว ๆ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า การที่สตาร์ทรถและขับออกไปทันทีโดยไม่วอร์มเครื่องยนต์ก่อนนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดีเท่าไร ซึ่งวิธีวอร์มของรถยนต์ในปัจจุบันคือ การขับรถยนต์ช้า ๆ ให้รอบเครื่องทำงานเบา ๆ สัก 5 นาที ส่วนถ้าเป็นรถยนต์เก่าสมัยยุค 2000 ต้น ๆ ก็ควรสตาร์ทรถทิ้งไว้ 5 นาทีก่อนการขับขี่ เท่านี้ก็เป็นการรักษาเครื่องยนต์ไปได้
สรุปบทความ เรื่องรถที่ผู้หญิงสามารถจัดการได้
สิ่งที่เกี่ยวกับรถยนต์ที่ผู้หญิงสามารถทำได้เอง ก็คงจะเป็นเรื่องของการดูแลรักษาตัวรถทั้งเรื่องของการพกอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ ไว้ในรถให้พร้อม การตรวจเช็คปริมาณของเหลวให้อยู่ในระดับที่ถูกต้อง ยางรถยนต์ที่พร้อมใช้งาน เพื่อไม่ให้รถเกิดความเสียหายได้ในระยะยาวได้ ถ้าหากนอกเหนือจากจากนั้น ก็ควรที่จะให้ช่างผู้เชี่ยวชาญดูและตรวจสอบจะดีกว่า
ทั้งนี้หากคุณไม่มั่นใจว่าคุณจะตรวจสอบรถได้ดีพอ บริการ Kaidee Certified เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่ารถยนต์ของคุณ จะอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน ขับขี่ในชีวิตประจำวัน หรือหากอยากซื้อรถใหม่ก็เข้ามาดูเลยที่ Kaidee Auto ที่มีรถยนต์หลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่นที่ตรงกับความต้องการ ในทุกไลฟ์สไตล์