ด้วยความที่เราเองพักอยู่ย่านราชเทวี ทุก ๆ วัน เดินกลับบ้านก็จะเห็นแสงไฟจาก Hostel ส่องสว่างให้กับชาวออฟฟิศที่กลับบ้านดึกเสมอ จนเกิดความสงสัยว่า เขาทำยังไงกันนะ ถึงยังเปิดกิจการในช่วงเวลาแบบนี้ได้ ผ่านช่วงวิกฤติมาได้ยังไง จนต้องขอเข้าไปสัมภาษณ์เจ้าของให้หายสงสัยจนได้มาเป็นมุมมองสู้สุดตัว เรียกได้ว่า คติประจำใจคือ “ต้องรอด”!!!
วิธีเอาตัวรอดของ Hostel ใจกลางย่านราชเทวี
วันนี้เราจะพาคุณไปฟังมุมมองของเจ้าของและผู้บริหาร 2 Hostel ชื่อดังในย่านราชเทวีทีเปิดมามาเกินครึ่งทศวรรษแต่ยังคงความชิคความคูลและครองใจวัยรุ่นจนถึงปัจจุบัน
Movylodge
มาเริ่มต้นกันที่ Movylodge โฮสเทลสุดฮิปที่มีผู้บริการคนเก่งอย่างคุณแอ๋ม ที่มีประสบการณ์บริหารธุรกิจโฮสเทลของครอบครัวมาก่อนจนเริ่มทำธุรกิจ Hospitality Management รับบริหารจัดการโรงแรมโฮสเทล

คุณแอ๋มเล่าว่า Movylodge เปิดมา 5 ปีแล้ว และเมื่อก่อนแถบราชเทวีนี้ Hostel ยังไม่บูมมาก และไม่เป็น ‘Red Ocean’ เหมือนข้าวสาร เจ้าของจึงเล็งเห็นว่าราชเทวีมีศักยภาพพอที่จะเป็นทำเลโฮสเทลแห่งใหม่
การดีไซน์ Movylodge ที่เน้นคลีนๆ แลดูสบายตาเหมือนไปคาเฟ่ที่เกาหลีนั้นคุณแอ๋มเล่าว่าได้อิทธิพลมาจากเจ้าของโดยตรงเนื่องจาก เป็นการรวมตัวกันระหว่างคู่หนุ่มสาวชาวเกาหลี สถาปนิกและดีไซเนอร์
Wow Factor
คุณแอ๋ม: คิดว่า Wow Factor หนึ่งอย่างที่ทำให้ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบันคือ Decoration มันจะเป็นสไตล์ Loft แล้วด้วยความที่เพดานสูงทำให้รู้สึกไม่อึดอัด นิสิตนักศึกษาจึงนิยมมานั่งอ่านหนังสือ ทานกาแฟเป็นอย่างมาก
กลยุทธ์ในการเอาตัวรอด
“คิดว่าสิ่งที่ทำให้รอดคือ เราเปลี่ยนเรื่อย ๆ เราไม่เคยหยุดเลย”
คุณแอ๋ม, Movylodge
คุณแอ๋ม: อาหารเลย เมื่อก่อนเราขายแต่กาแฟ ขนม และเบเกอรี่ แต่เมื่อมีนาคมปีที่แล้วมันปิดประเทศ เราเลยเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นการขายอาหารเพิ่มเข้ามา ลองมาเยอะ ทีแรกคิดว่าจะขายอาหารตามสั่ง แต่พอมี Lock Down ช่วงเมษายน คนจะสั่งจาก Grab กันหมด ซึ่งเราก็ไม่สามารถสู้ร้านอาหารตามสั่งจริงๆได้ เราเลยคิดเมนูขึ้นมาให้มันมีความแปลกใหม่ เช่น ‘แกงส้มปลาสลิดฟู’ ซึ่งก็ขายได้ แต่ก็ทำได้แค่พยุงไปวันต่อวัน
‘หมูปิ้ง’ ก็เคยขาย ปิ้งจนมือแตกเพราะความร้อน ขายดี ขายได้เยอะ แต่ไม่ได้กำไร เพราะเราซื้อของมาหมักเอง อยากให้ลูกค้าได้ของดี ๆ ขายหมดวันละ 100 ไม้
สุดท้ายก็มาที่เมนูแห่งชาติซึ่งก็คือ ‘กะเพรา’ ‘หมูกระเทียม’ ที่ทานง่าย ขายคล่อง
จุดพีคท่ามกลางโควิด
คุณแอ๋ม: มันเริ่มจากที่เราเปิดพื้นที่ส่วนกลางให้เช่าเป็นสถานที่ Work Shop และจัดอีเว้นท์ ทีนี้จับพลัดจับผลูมีการจัดงานวันเกิดศิลปินเกาหลีแล้วมันดันดัง
งานแรกมันดังใน Twitter เลยมีคนมาจัดที่นี่เรื่อย ๆ เยอะเลย
ทีนี้เราก็เคยไปแจกนามบัตรตามงาน Art ก็เลยเป็นที่มาของเทียนหอมและภาพวาดที่ตั้งอยู่ตรงชั้นวาง คือเปิดพื้นที่ให้ศิลปินได้มีที่ขายผลงานด้วย
เคยรู้สึกว่าไม่ไหวบ้างไหม
คุณแอ๋ม: ไม่มี ต้องบอกว่าไม่มีเลย ต้นไม้ก็ขายเอาสิ(ขำ) อะไรฮิตนะเราทำหมด ไม่หยุดไม่ได้ เพราะค่าเช่าไม่เคยหยุดเดิน เราก็ต้องไม่หยุด
แอ๋มเปิดห้องโฮสเทลว่างๆ ให้เช่ารายเดือนด้วย เดือนละ 4,500 รวมค่าน้ำค่าไฟและ wifi

ประสบการณ์ไหนที่คิดว่ามีค่าที่สุดในช่วงหลายปีที่ทำโฮสเทลมา
คุณแอ๋ม: ธุรกิจโฮสเทลมันมีเสน่ห์ เพราะลูกค้าโฮสเทลเฟรนด์ลี่ มีความเป็นมิตรค่อนข้างสูง เราไม่รู้จักกันมาก่อน แต่คุยกับเราเหมือนเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว เค้าเชื่อเราเหมือนเราเป็น Non Benefit เขาไว้ใจเรา บางคนให้ออกแบบทริปให้เลย บางคนก็ให้พาไปเที่ยว
“สิ่งที่ทำให้ Keep Going คือมิตรภาพที่ได้จากตรงนี้”
คุณแอ๋ม, MOVYLODGE
มีลูกค้าที่จำไม่ลืมไหมคะ
คุณแอ๋ม: ถ้าพีค ๆ ขำ ๆ คือมีลูกค้ายุโรปคนหนึ่ง คือกล้องวงจรปิดจับได้ว่าเขาละเมอเดินลงมาจากชั้น 4 ลงมาฉี่ที่พื้นชั้น 1 หลับตาแล้วปลดกางเกงออกอย่างนั้น แล้วปฏิเสธเสียงแข็งมาก จนพอให้ดูกล้อง เขาตกใจไปไม่เป็นเลย เพราะตั้งแต่เกิดจนโตมาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเดินละเมอ ก็เป็นเรื่องขำ ๆ ไปเพราะเขาไม่ได้ตั้งใจ
The Quarter
มาต่อกันที่ Poshtel สไตล์โคโลเนียลที่เปิดมานานกว่า 7 ปี เมื่อเข้าไปข้างในกลับพบว่าไม่ได้เป็นสไตล์โคโลเนียลล้วนเนื่องจาก ‘คุณนัด’ ผู้เป็นเจ้าของบอกว่าไม่อยากให้การตกแต่งเป็นฝรั่งจ๋า อยากให้คนเข้าพักรู้สึกว่า เป็นการผสมผสานสไตลล์ของฝรั่งที่หลงรักเมืองไทย จึงออกมาเป็นสไตล์ไทยกึ่งโคโลเนียลนั่นเอง

จุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจโฮสเทล
คุณนัด: มันเริ่มมาจากการทำธุรกิจที่โรงแรมเขาหลักก่อน แล้ว Partner เขาอยากมีโรงแรมในกรุงเทพฯ ทีนี้เราเจอตึกว่างตรงหัวมุมราชเทวีพอดี เลยมาลองทำดู
Concept
คุณนัด: คือพอมันเป็นที่หัวมุม เราเลยทำโรมแรมไม่ได้ พอมาดูตลาดโฮสเทลเมื่อ 7 ปีก่อนเนี่ย มันยังไม่บูม เลยคิดว่าทำ โฮสเทลดีกว่า แต่ถ้าจะทำมันต้องมีความแตกต่าง เราเลยได้คอนเซ็ปต์ Poshtel ขึ้นมา มาจากว่า Posh + Hostel
กลยุทธ์ในการเอาตัวรอด
คุณนัด: ‘ปรับตัวตามสถานการณ์’ ลดรายจ่าย ลดทุกอย่าง ยกเว้นลดคน
เราต้องดูว่าพื้นที่ตรงไหนทำประโยชน์ได้ เช่น เอามาเป็นพื้นที่ขายของ ส่วนโฮสเทลข้างบนเราก็เปิดให้เช่ารายเดือนแทน
คิดว่าอะไรทำให้ Quarter ยังเป็นที่นิยมมาจนถึงปีที่ 7
คุณนัด: เราพยายามเข้าใจลูกค้ามากขึ้น ต้องติดตามตลาดอย่างต่อเนื่อง แล้วยังต้องอัปเดต Tactic ใหม่ ๆ ตลอด เช่น สื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง และ Stay In Touch กับเขา
สรุปท้ายบทความ
ต้องบอกว่าอ่านแล้วได้กำลังใจจากความฮึดสู้ของสองเจ้าของโฮสเทลที่อยู่มานานจนถือเป็น Landmark ของราชเทวีก็ว่าได้
ท่านใดอยากลองเข้าวงการธุรกิจโฮสเทล ลองมาหาตึกทำเลได้ที่ Kaidee