หลังจากที่ค่าย Ford Motors ได้ทำการเปิดตัว “Ford Bronco Concept 2021” ไปไม่นาน ค่ายรถอย่าง Jeep ก็ได้ตัดสินใจเปิดตัว “Wrangler Rubicon 392” ออกมาสู่ตลาดโลกที่เรียกได้ว่าตีคู่กันมาอย่างสูสี ซึ่งก่อนหน้านี้ทางทีมสร้างของ Jeep ได้ยกเลิกคอนเซ็ปต์ที่มีชื่อว่า Easter Jeep Safari และตัดสินใจมาทำรถในแบบ Wrangler Rubicon 392 แทนที่ และต้องบอกเลยว่านับเป็นการหวนกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ของราชาสายลุย
แต่ก่อนที่จะพาทุกคนไปดู Jeep Wrangler Rubicon 392 เราอยากพาทุกคนมาทำความรู้จักประวัติความเป็นมาของ “Jeep Wrangler” ที่มาพร้อมความยิ่งใหญ่จนกลายเป็นตำนานได้อย่างไร ถ้าพร้อมแล้วตามไปดูกันเลย



- “Jeep Wrangler” รถทหารสายเลือดอเมริกันที่ไม่ได้ใช้งานเพียงแค่ในสนามรบ
- Jeep Wrangler Rubicon 392 มาพร้อมขุมพลังมากความสามารถ
- ออกผจญภัยได้ทุกเส้นทาง ตอบโจทย์สายลุยได้อย่างตรงจุด
- ห้องโดยสารภายในสุดหรูกับความบันเทิงแบบครบถ้วน
- เสียงคำรามของเครื่องยนต์ HEMI V8
- ระบบความปลอดภัยของ Wrangler Rubicon 392
- สรุปท้ายบทความ
“Jeep Wrangler” รถทหารสายเลือดอเมริกันที่ไม่ได้ใช้งานเพียงแค่ในสนามรบ
ถ้าใครเป็นคอหนังสงครามคงจะคุ้นเคยกับรถหน้าตาทรงสี่เหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์แบบนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะรถ Jeep Wrangler ถูกใช้ในการรบมาตั้งแต่ปี 1940 หรือสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ที่มีคุณสมบัติเป็นรถแบบ 4×4 ขับได้ทุกสภาพเส้นทาง ลุยได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็น แหล่งน้ำ โคลน ดิน ป่า หรือพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก จึงเหมาะสำหรับเป็นพาหนะในการใช้รบเป็นอย่างมาก ซึ่งในสมัยนั้นรถเหล่านี้ยังไม่ได้มีชื่อเรียก แต่เมื่อเวลาผ่านช่วงสงครามโลกไปได้ 20 ปี ก็ได้มีเศรษฐีชาวอเมริกันนำซากของรถเหล่านี้ไปทำมาใหม่และนำมาขับใช้ในชีวิตประจำวัน จึงเป็นที่พูดถึงกันอย่างเป็นวงกว้างให้เหล่านักสะสมรถได้ตามสะสมกันในที่สุด

ในปี 1986 ได้มีการสร้างรถเหล่านี้ขึ้นอีกครั้งและมีการตั้งชื่อว่า “Jeep Wrangler” โดยเป็นการยึดดีไซน์แบบเดิมในสมัยสงครามโลกที่ไม่ได้ถูกปรับเปลี่ยนอะไรมากเท่าไร แต่ได้เพิ่มในส่วนของแอร์เข้าไป มีกระจก และหลังคา เพื่อให้ดูมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น และเหมาะสมกับการขับใช้งานในชีวิตประจำวันสำหรับยุคนั้น โดยแบ่งทั้งหมดออกเป็น 4 รุ่นด้วยกัน
โดยรุ่นแรกนั้นเริ่มตั้งแต่ปี 1986 ที่มีการดีไซน์ไม่แตกต่างจากรถในสมัยสงครามโลก แต่ได้เพิ่มไฟหน้ารูปทรงสี่เหลี่ยมที่ในยุคสมัยนั้นรถส่วนใหญ่ที่มีความนิยมสูงจะมีไฟหน้าเป็นสี่เหลี่ยม จึงทำให้ Jeep Wrangler รุ่นแรกก็มีไฟหน้าเหลี่ยมเช่นเดียวกัน
มาถึงรุ่นที่สองกันบ้างซึ่งในรุ่นนี้ได้มีการปรับปรุงไฟหน้าให้เป็นทรงกลมดูมีความวินเทจมากขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมหลังคาแบบผ้าใบที่สามารถเปิดด้านบนออกได้ ภายในรถยังได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของแผงคอนโซลหน้าและเพิ่มระบบไฟฟ้าให้ดูมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น
ส่วนในรุ่นที่สามนั้นมีความคล้ายกับรุ่นที่สอง แต่จะมีความแตกต่างที่ตัวรถมีด้วยกัน 2 รุ่น คือ 2 ประตู และ 4 ประตู ซึ่งเป็นที่นิยมที่ใช้งานมาจนถึงปัจจุบันที่ยังคงรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์แบบเดิมไว้ แต่ได้เพิ่มในเรื่องของประสิทธิภาพ ผสานเทคโนโลยีต่างๆ ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น
Jeep Wrangler Rubicon 392 มาพร้อมขุมพลังมากความสามารถ
หลังจากที่ Ford Bronco ได้ทำการเปิดตัวไป ทางค่าย Jeep จึงไม่รอช้าที่จะเปิดตัว “Wrangler Rubicon 392” ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 จากโรงงานที่นับว่าเป็นรุ่นแรกในรอบ 40 ปี เพื่อเป็นการประกาศที่พร้อมจะมาต่อสู้กับ Ford Bronco ในตลาดรถ และการกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ของราชาสายลุยอย่างเต็มรูปแบบ

Jeep Wrangler Rubicon 392 มาพร้อมเครื่องยนต์ Hemi V8 ขนาด 6.4 ลิตร (392 ลูกบาศก์นิ้ว) ให้กำลัง 470 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดถึง 637 นิวตัน-เมตร โดยใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ส่งกำลังสู่ล้อทั้ง 4 ของตัวรถ ใช้เวลา 4.5 วินาที เพื่อทำความเร็วจาก 0-96 กม./ชม. ส่วนการทำเวลาควอเตอร์ไมล์อยู่ที่ 13 วินาที
ออกผจญภัยได้ทุกเส้นทาง ตอบโจทย์สายลุยได้อย่างตรงจุด
Jeep Wrangler Rubicon 392 ยังถูกออกแบบมาพร้อมกับความสามารถในการขับขี่ที่หลากหลาย โดยสามารถขับลุยน้ำได้ถึง 825.5 มม. แม้ว่าจะมีฝากระโปรงที่เปิดเพื่อถ่ายเทอากาศให้กับเครื่องยนต์ V8 ขนาดใหญ่ แต่ทางทีมงานก็ได้คิดค้นระบบท่ออากาศ Hydro-Guide พร้อมท่อ 3 ระดับ ที่คอยระบายน้ำออกแม้ว่าจะโดนคลื่นซัดเข้ามาที่ฝากระโปรงก็ตาม

นอกจากนี้ยังเสริมในเรื่องของความแข็งแกร่งของตัวรถที่เลือกใช้เหล็กกล้า รางเฟรมของตัวรถที่ได้รับการอัปเกรดและใช้ระบบป้องกันการสั่นสะเทือนจาก Fox เสริมความนุ่มนวลให้กับทุกสภาพเส้นทางด้วยยาง All-Terrain BFFoodrich KO2 ขนาด 33 นิ้ว และล้อขนาด 17 นิ้ว ลุยได้อย่างไร้กังวลกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Select-Track พร้อมอัตราทดเกียร์ต่ำ 2.72 ที่มีให้เลือก 4 โหมด ได้แก่ 4WD Auto, 4WD High, Neutral และ 4WD Low
ห้องโดยสารภายในสุดหรูกับความบันเทิงแบบครบถ้วน
ภายในห้องโดยสารถูกดีไซน์มาอย่างเรียบหรูกับเบาะหนังสีดำสุดพรีเมียมที่รองรับการบิดและเบี้ยวที่โอบรับกับร่างกายในเส้นทางที่มีการเคลื่อนไหวรุนแรง โดดเด่นด้วยโลโก้สีบรอนซ์ที่ตัดเย็บอย่างประณีต หน้าจอสัมผัสขนาด 8.4 นิ้ว พร้อมเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อเปิดระบบการนำทาง หรือเล่นเพลงได้ แผงหน้าปัดสีขนาด 7 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลของตัวรถไว้อย่างครบถ้วน


บนพวงมาลัยยังมาพร้อม Paddle Shifters ที่นับว่าเป็นครั้งแรกของ Jeep ที่ให้คุณสามารถควบคุมเกียร์ได้อย่างมั่นใจในขณะที่ขับขี่ สามารถเปลี่ยนเกียร์โดยใช้แป้นแบบติดตั้งบนพวงมาลัยเพื่อสัมผัสประสบการณ์อันยอดเยี่ยมในการควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ
เสียงคำรามของเครื่องยนต์ HEMI V8
เป็นครั้งแรกที่ Jeep Wrangler มีระบบ Dual-Mode Exhaust ที่มีปุ่มกดสามารถควบคุมเสียงของท่อไอเสียเพื่อช่วยให้คุณปรับระดับของเสียงเครื่องยนต์ โดยระบบนี้จะใช้วาล์วอิเล็กทรอนิกส์อีกคู่หนึ่งไว้สำหรับควบคุมเสียง Output เมื่อเดินเครื่องเบา หรือเมื่อไรที่กดเท้าลงบนแป้นเหยียบ

ระบบความปลอดภัยของ Wrangler Rubicon 392
Jeep ได้ให้ความสำคัญถึงความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่ได้ใส่เทคโนโลยีช่วยเตือนเมื่อมีรถขับมาใกล้ในระยะประชิดทั้งจากด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง รวมถึงยังมีสัญญาณเตือนพร้อมกล้องมองหลังเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในเวลาที่ต้องจอดรถในพื้นที่แคบ

สรุปท้ายบทความ
จากข้อมูลทั้งหมดทางทีมงานของ Jeep ได้ยืนยันว่า “Wrangler Rubicon 392” จะเป็นรถ Off-Road ที่สุดแห่งยุคอย่างแท้จริง ด้วยภาพรวมที่มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ Hemi V8 ขนาด 6.4 ลิตร (392 ลูกบาศก์นิ้ว) ให้กำลัง 470 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดถึง 637 นิวตัน-เมตร โดยใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ส่งกำลังสู่ล้อทั้ง 4 ของตัวรถ ใช้เวลา 4.5 วินาที เพื่อทำความเร็วจาก 0-96 กม./ชม. ส่วนการทำเวลาควอเตอร์ไมล์อยู่ที่ 13 วินาที
ภายในห้องโดยสารโดดเด่นด้วยเบาะหนังหุ้มสุดหรูที่มาพร้อมโลโก้ Rubicon ถักด้วยด้ายสีบรอนซ์อย่างประณีต เสริมความดุดันด้วยพวงมาลัยรูปทรงสปอร์ต ภายนอกมาพร้อมดีไซน์รูปทรงสี่เหลี่ยมแบบฉบับ Jeep ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เสริมประสิทธิภาพของช่วงล่างด้วยโช๊คอัพ สปริง และล้อคุณภาพสูง ผสานกับเทคโนโลยีอีกมากมายเพื่อออกผจญภัยไปในทุกเส้นทางที่กำลังรอคุณอยู่
สำหรับใครที่กำลังหาซื้อรถ Jeep มือสองคุณภาพดีราคาเป็นมิตร หรือรถยนต์มือสองรุ่นอื่นๆ สามารถลองเข้ามาเลือกดูได้ที่ Kaidee Auto แหล่งซื้อขายของออนไลน์ที่มีรถยนต์จำหน่ายกว่าสองหมื่นคัน