WFH นานนัก! มาเปลี่ยนบ้านเป็น Home Office ย่อมๆกันเถอะ

WFH นานนัก! มาเปลี่ยนบ้านเป็น Home Office ย่อมๆกันเถอะ

เริ่มปีใหม่แล้วหลายยังคงทำงานที่บ้านกันอยู่ บางคนทำงานที่บ้านมาตั้งแต่ปีที่แล้ว นานจนลืมไปแล้วว่าออฟฟิศเป็นอย่างไร และสิ่งที่สำคัญบางคนก็รู้สึกว่าทำไมทำงานที่บ้านแล้วถึงทำงานได้ประสิทธิภาพมากกว่า แต่บางคนกลับกัน ทำงานที่บ้านจนรู้สึกว่าตัวเองทำงานได้น้อยลงบ้าง งานออกมาไม่ดีบ้าง ซึ่งความเป็นจริงแล้วสิ่งที่ส่งผลกับการทำงานของเรานั้นอาจเป็นบ้านที่เราใช้ชีวิตก็เป็นได้ 

บ้านมีผลต่อการทำงานแบบ Work From Home แค่ไหน

เรื่องการทำงานนั้นจะมีประสิทธิภาพหรือไม่ เรื่องสิ่งแวดล้อมก็มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งก็จะโยงไปเรื่องของจิตวิทยาที่หากพื้นที่การทำงานของเรามีการจัดวางที่เหมาะสม บรรยากาศจะช่วยส่งผลให้เรามีสมาธิในการทำงานมากขึ้น 

1.สมาธิ อารมณ์และความรู้สึก

แน่นอนว่าการทำงาน เราต้องใช้ทั้งสมองในการคิด ใช้ร่างกายในการเคลื่อนไหว ดังนั้นเรื่องสมาธิและอารมณ์ต่างๆก็สามารถส่งผลต่อการทำงานของเราได้ 

ซึ่งสิ่งหนึ่งในบ้านที่ส่งผลเรื่องสมาธิและอารมณ์ของเรา นั่นคือสีของบ้าน สีโทนต่างๆสามารถส่งผลต่ออารมณ์ของเราได้หลายแบบ

2.ประสิทธิภาพการทำงาน

หากบ้านของเรามีมุมหรือห้องที่ให้เราทำงานได้แบบเงียบสงบ ไม่มีคนอื่นมาวุ่นวาย เราก็จะสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

3.ลดการลาป่วยได้

การทำงานที่บ้านสามารถลดความเสี่ยงในการเจอโรคภัยต่างๆได้ค่อนข้างมาก ดังนั้นการลาป่วยก็จะลดลงตามไปด้วย 

Home Office ต้องเป็นแบบไหน

การเปลี่ยนบ้านเป็น Home Office นั้นไม่จำเป็นต้องรีโนเวทแบบยิ่งใหญ่เสมอไป เพียงแค่ปรับพื้นที่บ้านบางจุดให้เหมาะสมต่อการทำงานมากยิ่งขึ้นก็เพียงพอแล้ว

1.Working Space ต้องมี  

พื้นที่การทำงานคือจุดที่สำคัญที่สุด Working Space ของเราควรเป็นพื้นที่ที่สงบเพื่อการโฟกัสงานได้ดียิ่งขึ้น โดยสามารถเริ่มต้นจากการมุมเล็กๆที่ห้องนอนส่วนตัว วางโต๊ะและเก้าอี้พร้อมมีไฟที่เพียงพอ ก็สามารถนั่งทำงานได้แล้ว 

แต่หากพื้นที่ทำงานที่เหมาะสมจริงๆ ควรเป็นห้องเงียบๆไร้ความวุ่นวายจากคนอื่นในบ้าน หากนึกการออกแบบและการวางเฟอรนิเจอร์ไม่ออก ให้ลองนึกถึงออฟฟิศที่เราทำงานแล้วลองจัดตามไปทีละชิ้น ส่วนเรื่องแสงนั้นก็สำคัญ เราสามารถใช้แสงจากธรรมชาติเพื่อช่วยเพิ่มสมาธิในการทำงานได้ หรือหากไม่มีแสงเข้าก็ต้องติดไฟให้เพียงพอ ไม่ให้มืดจนเกินไป เพราะไม่เช่นนั้นเมื่อทำงานไปสักพักสายตาจะทำงานหนักและปวดตาได้

อีกหนึ่งอย่างที่สำคัญคือเรื่องของสีในส่วนของ Working Space อย่างที่เรารู้กันว่าสีส่งผลต่อจิตใจและอารมณ์ของเราได้ โดยส่วนใหญ่จะนิยมใช้สีในโทนเดียวกันแบบไม่มีลวดลาย และหากเลือกสีเข้มก็จะช่วยส่งผลเรื่องสมาธิ ให้อารมณ์ความเงียบสงบ และหากเป็นสีอ่อนก็จะช่วยให้เรารู้สึกสบายตา สดใส และลดความตึงเครียดได้ 

ยกตัวอย่างเช่นห้องสีขาว ที่อาจดูเพลนๆไม่มีอะไร แต่สีขาวนี้จะช่วยให้เรารู้สึกว่าห้องมีความกว้างขวาง มีความสว่าง และที่สำคัญเป็นสีแห่งความบริสุทธิ์ที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นในการทำงานของเราได้

2.จุดพักเบรคระหว่างวัน 

การทำงานที่ดีนั้นควรให้เวลาพักประมาณ 15 นาที ในทุกๆ 3 – 4 ชั่วโมง และจุดพักก็ควรจะเป็นจุดที่ห่างจาก Working Space เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ลดความเครียดและอาการเหนื่อยล้าของส่วนต่างๆในร่างกาย ซึ่งการพักแบบนี้จะช่วยส่งลให้การทำงานของเรามีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น  

ซึ่งจุดพักเบรคนั้นอาจจะเป็นห้องครัวหรือห้องนั่งเล่นก็ได้ แค่เราหามุมที่มีที่นั่งสบายๆหรือโซฟานุ่มๆสักตัว พร้อมทีวีหรือหนังสือดีๆสักเล่ม เพื่อนั่งผ่อนคลายสมองสักหน่อยก่อนกลับไปทำงานต่อ 

3.อุปกรณ์ต้องพร้อม

การทำงานที่บ้านของหลายคนก็มีความแตกต่างไปตามรูปแบบงานของแต่ละคน บางคนก็ต้องอยู่กับคอมพิวเตอร์เป็นหลัก แต่บางคนก็อยู่กับโทรศัพท์หรือต้องออกไปหาลูกค้าบ้าง ดังนั้นการมีอุปกรณ์ที่พร้อมก็เป็นเรื่องสำคัญ หากออฟฟิศไหนสามารถยืมอุปกรณ์มาได้ก็ถือว่าดีไป แต่ถ้าใครอยากมีอุปกรณ์ที่พร้อมอยู่ในบ้านเป็นของเราเองเลย ก็สามารถหาซื้อมาเพื่อใช้งานได้แบบสบายใจ

อุปกรณ์สำหรับ Work From Home

แน่นอนว่าการทำงานที่บ้านอุปกรณ์ก็ต้องครบไว้ก่อน เพื่อการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด และบ้านของเราก็จะเป็น Home Office ที่พร้อมให้เราทำงานได้อยู่เสมอ

1.โต๊ะทำงาน

โต๊ะที่ดีควรจะมีขนาดความยาวตั้งแต่ 90-120 เซนติเมตรและความสูงที่ 72 เซนติเมตรขึ้นไป เพื่อพื้นที่การวางของที่เพียงพอและการวางขาได้อย่างไม่อึดอัด 

2.เก้าอี้เพื่อสุขภาพ

เราทำงานกันอย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อวัน บางคนนั่งทำงานกันข้ามวันข้ามคืนก็มี ดังนั้นการมีเก้าอี้ที่รองรับสรีระของเราได้ดีก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะช่วยลดอาการปวดหลังและช่วยให้รู้สึกนั่งได้สบายมากขึ้น 

3.โน๊ตบุ๊ค/ คอมพิวเตอร์ 

คงไม่มีบริษัทไหนที่ไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คในการทำงาน ซึ่งการมีคอมหรือโน๊ตบุ๊คดีๆสักเครื่องก็ช่วยให้ทำงานอย่างลื่นไหลได้นะ/ๅๅๅๅๅๅ

4.แก้วน้ำเก็บความเย็น

หนึ่งวันต้องดื่มน้ำอย่างต่ำวันละ 8 แก้ว ดังนั้นการมีแก้วน้ำดีๆสักแก้วตั้งไว้ใกล้ตัวก็ช่วยให้เราดื่มน้ำได้บ่อยขึ้นได้นะ 

5.หมอนรองคอ

ตามจริงเก้าอี้เพื่อสุขภาพส่วนมากก็จะมีหมอนรองคอมาด้วย เพื่อลดอาการปวดคอต่างๆ แต่หากใครไม่มีก็ซื้อมาสักชิ้น ใส่ตอนนั่งทำงานหรือเมื่อต้องการงีบสักพักเพื่อฟื้นพลัง

6.หูฟังพร้อมไมค์

เมื่อไหร่ที่ต้องประชุม การพูดคุยผ่านช่องทางออนไลน์ก็ต้องใช้หูฟังและไมค์ที่ดี เพื่อการสื่อสารที่ชัดเจน ดังนั้นหูฟังจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้จริงๆในการ Work From Home

สรุป

การ Work From Home อาจกลายเป็นการทำงานรูปแบบใหม่หรือเป็นรูปแบบหลักของงานหลายๆประเภทที่ปรับตัวในยุคนี้ ดังนั้นการมีบ้านที่เป็น Home Office ไปในตัวก็ช่วยสร้างความสะดวกและยังช่วยให้การทำงานของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อีกด้วย หากใครอยากหาบ้านมือสองสักหลังมาทำเป็น Home Office ส่วนตัวล่ะก็ลองมาดูที่ Kaidee ได้เลย เพราะนอกจากบ้านและคอนโดแล้ว เรายังมีสินค้าให้เลือกอีกมากมายกว่า 32 หมวดหมู่เลยทีเดียวเชียว

สอบถามข้อมูลอื่นๆ หรือสิทธิพิเศษเพิ่มเติม

กรุณาสแกนคิวอาร์โค้ด หรือเพิ่มเพื่อนด้วยไอดีไลน์ @kaideeofficial