โทรศัพท์มือถือ iPhone iPhone SE

iPhone SE

ไอโฟนรุ่นพิเศษที่เปิดตัวมาในช่วงต้นปี 2016 และปี 2020 นั่นคือ iPhone SE ไอโฟนขนาดเล็ก เอาใจสายคลาสสิกที่ชอบสมาร์ทโฟนน้ำหนักเบา ขนาดกระทัดรัด

iPhone SE (2016)

สองปีหลังจากแอปเปิ้ลได้เปิดตัวไอโฟนดีไซน์ใหม่ขอบมนกับ iPhone 6 และ 6s หลายๆ คนก็อาจคิดถึงไอโฟนขอบเหลี่ยมสไตล์เดิม ช่วงเดือนมีนาคมของปี 2016 แอปเปิ้ลจึงได้เปิดตัว iPhone SE ไอโฟนดีไซน์ขอบเหลี่ยม ขนาดเล็กที่ใครหลายๆคนคิดถึง พร้อมสเปคที่น่าใช้งานและราคาที่ประหยัดขึ้น

จอเล็กสเปคแรง

iPhone SE นี้มาในหน้าจอ Retina IPS ขนาด 4 นิ้ว ดีไซน์ขอบเหลี่ยมเครื่องเล็ก น้ำหนักเบา พกใส่กระเป๋าได้อย่างสะดวก ซึ่งสเปคภายในแอปเปิ้ลก็ให้มาอย่างดี อย่างชิปเซ็ต A9 แบบ Dual-core ที่ยังสามารถใช้งานได้ปกติดีในปัจจุบัน และยังรองรับการอัปเดต iOS ปัจจุบันอย่าง iOS 15 พร้อมแรม 2GB ที่ทำให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เรื่องการเชื่อมต่อต่างๆ ก็จัดมาให้พร้อม อย่างแรกคือรองรับการใช้งาน 4G, Bluetooth 4.2 และที่สำคัญคือพอร์ทการเชื่อมต่อหูฟัง 3.5mm ก็มีกลับมาให้ได้ใช้กันในรุ่นนี้

กล้องดีคุ้มราคา

กล้องบน iPhone SE ถือว่าใช้งานได้ดีคุ้มราคา ด้วยกล้องหลังเดี่ยวความละเอียด 12MP f/2.2 ระยะ 29mm พร้อมแฟลชแบบ Dual-LED Dual-tone ซึ่ง iPhone SE นี้ก็ได้รับฟีเจอร์ Live Photo ตามรุ่นพี่ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้กล้องหลังยังสามารถบันทึกวีดีโอได้ในความละเอียดสูงสุดถึง 4K 30fps อีกด้วย

ด้านกล้องหน้าอาจไม่ได้ให้มาเหมือนรุ่นพี่ โดยกล้องหน้าของ iPhone SE มีความละเอียดเพียง 1.2MP และสามารถบันทึกวีดีโอได้ในความละเอียด 720p 30fps

จุดเด่น

• ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา
• ราคาประหยัด
• รองรับ iOS ล่าสุด (iOS 15)
• ข้อสังเกต
• หน้าจออาจเล็กไปสำหรับใครชอบจอใหญ่
• เซ็นเซอร์แสกนลายนิ้วมือยังเป็นรุ่นที่หนึ่ง

iPhone SE (2020)

ดีไซน์ “เหมือน” ใหม่ iPhone SE รุ่นใหม่นี้มาพร้อมดีไซน์ใหม่ที่ต่างจาก iPhone SE รุ่นก่อน แต่ในความใหม่นี้จะไปคล้ายกับตระกูล iPhone 6 ที่มีความโค้งมนและตัวเครื่องมีขนาดเล็กพอดีมือ ด้วยหน้าจอที่เพิ่มมาเป็น 4.7 นิ้ว ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป พร้อมระบบแสกนลายนิ้วมือที่ปุ่มโฮม โดยจะไม่เป็นปุ่มกดแบบเดิม แต่จะเป็นระบบ Haptic เหมือน iPhone 7 และ 8 ซึ่ง iPhone SE ใหม่นี้มีสีให้เลือก 3 สี คือ ดำ แดงและขาว สเปคดีเทียบรุ่นพี่ ครั้งนี้ iPhone SE มาพร้อมชิปเซ็ต A13 Bionic เหมือนกับรุ่นพี่อย่าง iPhone 11 ที่ให้ประสิทธิภาพดี ใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะท่องเว็บ ดูหนัง ฟังเพลง ซึ่งหน้าจอของ iPhone SE ก็เป็น Retina HD IPSที่สามารถแสดงผลแบบ True tone ได้ นอกจากนี้ยังรองรับ Dolby Vision และ HDR10 อีกด้วย

ส่วนด้านการเชื่อมต่อต่างๆก็ถูกอัปเกรตให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Wifi 6 หรือ Bluetooth 5.0 และ LTE แบบ Gigabit กล้องเดี่ยวที่ดีขึ้น

แม้ว่ากล้องหลังของ iPhone SE ใหม่นี้จะยังคงเป็นกล้องเดี่ยว แต่โดยรวมแล้วถือว่าได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น โดยกล้องจะเป็นมุมกว้าง ความละเอียด 12MP f/1.8 ที่มาพร้อมระบบกันสั่นแบบ OIS ซึ่งกล้องหลังนี้รองรับการถ่ายภาพแบบ HDR และ Panorama ส่วนแฟลชนั้นก็ถูกพัฒนาเป็น Quad-LED Dual-tone ที่สำให้แสงมีความเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

สำหรับการถ่ายวิดีโอ iPhone SE ก็สามารถถ่ายได้ในความละเอียดสูงสุดได้ถึง 4K 60fps และด้วยระบบกันสั่น OIS และการบันทึกเสียงในวิดีโอแบบ Stereo จะช่วยให้วิดีโอที่ได้มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น

กล้องด้านหน้ามาในความละเอียด 7MP f/2.2 พร้อมสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียด 1080p 30fps พร้อมระบบกันสั่นแบบ Gyro-EIS และ Retina Flash ซึ่งทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังนั้นสามารถถ่ายภาพในฟีเจอร์ Live Photo และโหมด Portrait ได้ทั้งคู่

จุดเด่น

• สเปคดีคุ้มค่ากับราคาที่ประหยัด
• ขนาดพอดีมือ พกพาง่าย
• กล้องหลังที่เหมาะทั้งถ่ายภาพและวิดีโอ
• รองรับการชาร์จไร้สาย

ข้อสังเกต

• หน้าจอ 4.7 นิ้วอาจไม่เพียงพอสำหรับหลายๆ คน
• ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5mm

สรุป

iPhone SE ถือเป็นไอโฟนรุ่นย่อยที่น่าสนใจและน่าใช้งานมากๆ รุ่นหนึ่ง ซึ่งจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เลยคือเรื่องขนาดที่เล็กและน้ำหนักที่เบา ส่วนสเปคก็ถือว่าใส่มาให้เพียงพอต่อการใช้งานหลายด้าน iPhone SE เหมาะมากๆ สำหรับใครที่กำลังมองหาไอโฟนราคาประหยัด ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายด้าน ซึ่งหากให้แนะนำแล้ว iPhone SE ปี 2020 ก็เป็นรุ่นที่น่าจับจองไปใช้เป็นอย่างมาก

หากใครตัดสินใจเอาเจ้า iPhone SE นี้ละก็ เลือกหาเครื่องที่ใช่ใน Kaidee กันได้ แถมยังสบายใจในการซื้อขาย ด้วยระบบ KD Pay ที่เป็นตัวกลางสำหรับผู้ซื้อและผู้ขายในการรับและชำระเงิน สะดวก ปลอดภัย มั่นใจได้เลย