English translation for this page is currently unavailable. We are working on it, stay tuned!

ขออภัย
คุณยังไม่สามารถดูประกาศนี้ได้ในขณะนี้

พระพิมพ์ท่ามะปรางยุคแรก หลวงพ่อทองดี วัดไทรเหนือผสมผงเก่าสมเด็จบางขุนพรหม รูปที่ 1

พระพิมพ์ท่ามะปรางยุคแรก หลวงพ่อทองดี วัดไทรเหนือผสมผงเก่าสมเด็จบางขุนพรหม รูปที่ 2

พระพิมพ์ท่ามะปรางยุคแรก หลวงพ่อทองดี วัดไทรเหนือผสมผงเก่าสมเด็จบางขุนพรหม รูปที่ 3

พระพิมพ์ท่ามะปรางยุคแรก หลวงพ่อทองดี วัดไทรเหนือผสมผงเก่าสมเด็จบางขุนพรหม รูปที่ 4

1 / 5

พระพิมพ์ท่ามะปรางยุคแรก หลวงพ่อทองดี วัดไทรเหนือผสมผงเก่าสมเด็จบางขุนพรหม

฿ 1,850

ลงขายโดยลุงแม็ก นครสวรรค์

รายละเอียดสินค้า

“เหนือลิขิต ประกาศิตฟ้าดิน” ยังคงมีเหตุการณ์มากมายที่ “ไม่มีคำตอบ”เพราะมีเหตุการณ์เช่นนี้ปรากฏให้ประจักษ์อยู่เสมอและแต่ละเหตุการณ์ล้วนแต่ “ยากจะอธิบาย” เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ก็คือ “เหนือลิขิต ประกาศิตฟ้าดิน” ที่ “อ่านความจริง...อ่านเดลินิวส์” เสาะหามาเสนอท่านผู้อ่านเป็นลำดับและได้กระแสการตอบรับด้วยดีเสมอมาและเรื่องนี้ก็เป็นอีก “เรื่องจริง” ที่ขอนำทุกท่านไปสัมผัสกับเรื่องราวที่ต้องบอกว่าเป็น “ปาฏิหาริย์” อีกเรื่องที่ต้องนำมาเสนอ
นายสุรชัย จันทร์เพียร เป็นเจ้าของกิจการ “น้ำพริกสามพี่น้อง” อยู่บ้านเลขที่ ๗ หมู่ ๑๒ ต.วัดไทร อ.เมือง จ.นครสวรรค์ อายุ ๕๐ ปี และเป็นศิษย์ของ “หลวงพ่อทองดี สิริปัญโญ” แห่ง วัดไทรเหนือ ซึ่งเป็นผู้ประสบเหตุการณ์ระทึกขวัญด้วยตัวเองโดยเรื่องมีอยู่ว่า เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๐ คณะของเขาได้จัดรถบัสสองชั้นปรับอากาศพาคณะ ๔๐ คน เดินทางไปท่องเที่ยวที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยแวะค้างคืนตามสถานที่ต่าง ๆ จนครบถ้วนตามโปรแกรมที่จัดแล้วจึงเดินทางกลับ จ.นครสวรรค์ ขณะรถขับมาด้วยความเร็วสูงเนื่องจากถนนโล่งและเป็นเวลา ๐๑.๐๐ น. ขณะนั้นคนขับรถเริ่มง่วงนอนจึงอยากจะให้ถึงจุดหมายปลายทางโดยเร็วกระทั่งรถวิ่งเข้าเขต จังหวัดชัยนาท ซึ่งใกล้ถึงจุดหมายปลายทางคือนครสวรรค์เต็มที ทันใดนั้นเกิดเสียงระเบิดขึ้นดังสนั่นหวั่นไหว คณะที่ไปเที่ยวกำลังนอนหลับอย่างสบาย ตกใจตื่นขึ้นทั้งคันรถจึงพบว่ารถบัสปรับอากาศขนาดใหญ่ “เอียงวูบ” ไปด้านขวาแล้วแฉลบเข้าข้างถนนเนื่องจาก “ยางหน้าด้านขวารถระเบิด” พร้อมกับเกิดเสียงล้อรถที่ครูดไปกับถนนดังครืด ๆ ตลอดเวลาโดยมีประกายไฟแลบแปลบปลาบตามมาจึงสร้างความตื่นตกใจให้กับ นายสุรชัย จันทร์เพียร เพราะเป็นหัวหน้าคณะนำพาผู้คนไปเที่ยว แต่ในนาทีฉุกละหุกที่ไม่มีผู้ใดหยั่งรู้ได้ว่าจะมีเหตุอะไรติดตามมาอีก นายสุรชัย พลันร้องขึ้นว่า “หลวงพ่อทองดีช่วยด้วย” เสียงดังลั่นรถที่ทุกคนในรถได้ยินถนัดก็เลยทำให้ทุกคนนึกถึง “หลวงพ่อทองดี” เพราะล้วนแต่เป็นผู้รู้จักหลวงพ่อทองดีทั้งนั้น เนื่องจากเป็นชาวบ้านที่อยู่ใกล้วัดไทรเหนือทั้งสิ้น ระหว่างนั้นทุกคนเห็นชัดว่ารถแฉลบลงข้างทางไปแล้วและมีโอกาสที่จะ “พลิกคว่ำ” ได้เพราะข้างถนนมีหลุมทั้งใหญ่และเล็กเต็มไปหมด แต่อยู่ ๆ ก็เกิดปาฏิหาริย์เมื่อรถบัสคันใหญ่พลันวิ่งแฉลบขึ้นมาบนถนนอีกครั้งแล้วจอดสงบนิ่งบนไหล่ถนน และรอดพ้นจากการพลิกคว่ำแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ส่วนคนขับก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างแรงและยาว พร้อมกับความง่วงนอนก็หายเป็นปลิดทิ้งไปเลย
ทางด้าน นายสุรชัย ผู้นำขบวนการท่องเที่ยวครั้งนี้หลังจากลงรถมาดู “ยางรถที่ระเบิด” แล้วก็ยกมือขึ้นท่วมหัวพร้อมพึมพำเอ่ยชื่อ “หลวงพ่อทองดี” เนื่องจากมั่นใจที่พวกเขาปลอดภัยครั้งนี้ได้ก็เพราะ “หลวงพ่อทองดี” นั่นเองที่ช่วยไว้เพราะตัวเขาเองแขวน “เหรียญรุ่นแรก” ของ “หลวงพ่อทองดี” ที่สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ไว้ในคอเพียงเหรียญเดียว เช่นกันกับผู้คนในรถทั้ง ๔๐ คน ที่ส่วนใหญ่ต่างก็แขวนวัตถุมงคลของ “หลวงพ่อทองดี” แทบทั้งนั้นเพราะล้วนนับถือ “หลวงพ่อทองดี” กันทุกคนเมื่อเห็น นายสุรชัย พึมพำเอ่ยชื่อหลวงพ่อทุกคนจึงมั่นใจว่ารอดพ้นภัยมาได้ด้วยบารมีของ “หลวงพ่อทองดี” ช่วยไว้ เช่นกัน
อีกเรื่อง นายทวี ภู่พลับ อายุ ๖๔ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๑๐ หมู่ ๑๑ ต.วัดไทร อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เป็นอีกคนที่นับถือ “หลวงพ่อทองดี” มากและเคยมีประสบการณ์มากับตัวเองหลายครั้งโดยเฉพาะเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๒ ขณะนั้นมีอาชีพเป็น “ผู้รักษาความ ปลอดภัย” หรือ “รปภ.” ของ “โรงเรียนนวมินทราชูทิศ นครสวรรค์” ในช่วงปลายปี เวลาประมาณตี ๓ แล้วมี “โจร ๓ คน” บุกเข้าไปในโรงเรียนเพื่อขโมยทรัพย์สิน ระหว่างนั้น นายทวี ก็นั่งครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ในที่พักเพลิน ๆ “โจรผู้หนึ่ง” ย่องเข้ามาล็อกคอเขาไว้ นายทวี จึงสะดุ้งจากหลับ ๆ ตื่น ๆ พร้อมดิ้นสะบัดจนเกือบหลุด แต่ก็มีโจรอีกคนพรวดเข้ามาพร้อมมีดปลายแหลมแล้ว “จ้วงแทงนายทวี” แบบไม่ยั้งมือแต่ นายทวี กลับไม่รู้สึกว่าโดนแทงจึงพยายามดิ้นรนจนกระทั่งหลุด แล้วคว้าเอาท่อนไม้สู้กับโจรด้วยการฟาดกระหน่ำใส่โจรแบบไม่ยั้งมือเช่นกัน สุดท้ายเมื่อเห็นนายทวีที่ถูกแทงหลายแผล แต่ก็ยังยืนหยัดสู้กับพวกมันได้ “โจร” ทั้งสามจึงพากันเผ่นหนี นายทวี จึงหันมาสำรวจตัวเองว่ามีบาดแผลถูกแทงที่ใดบ้าง แต่สิ่งที่เห็นก็คือเสื้อผ้าขาดกระจุยทั้งตัวแต่ไม่มีบาดแผลใด ๆ เลย เพราะบริเวณที่ถูกแทงมีเพียงรอยขีดแดง ๆ หลายสิบแห่งทั้งนี้เพราะ นายทวี ก็เป็นอีกคนที่แขวน “เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อทองดี” เพียงเหรียญเดียว
“หลวงพ่อทองดี สิริปัญโญ” มีประวัติชีวิตอย่างไรไม่มีใครทราบเลย ทราบแต่เพียงว่าเป็นชาวเมือง “พระตะบอง” เดินธุดงค์มาจากประเทศกัมพูชาพร้อมกับ “หลวงปู่หิน” อดีตเกจิอาจารย์ดังแห่ง “วัดระฆังโฆสิตาราม” ซึ่งมีอาวุโสกว่ามาจำพรรษาที่วัดระฆังโฆสิตารามระยะหนึ่ง จึงออกธุดงค์ไปในถิ่นต่าง ๆ ของประเทศไทยแล้วไปจำพรรษาเพื่อเรียนวิทยาคมกับ “หลวงพ่ออิ่ม” แห่ง “วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี” จากนั้นไปเรียนกับ “หลวงพ่อดำ” แห่ง “วัดโคกหม้อ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์” ก่อนไปจำพรรษาที่ “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก” อีก ๕ ปี จึงธุดงค์ไปจำพรรษาที่ “วัดไทรเหนือ” ในสมัย “หลวงปู่ฉาย” เป็นเจ้าอาวาสพร้อมศึกษาวิชาการต่าง ๆ จาก “หลวงปู่ฉาย” กระทั่งหลวงปู่มรณภาพชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในศีลาจารวัตรของท่าน จึงขอให้ท่านเป็น “เจ้าอาวาส” วัดไทรเหนือตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๒ เป็นต้นมา เมื่อท่านเป็นเจ้าอาวาสแล้วก็ได้ทำนุบำรุงถาวรวัตถุในวัดไทรเหนือจนเจริญรุ่งเรืองเนื่องจากชาวบ้านต่างมีความเลื่อมใสศรัทธา เพราะเป็นพระที่มีความเคร่งครัดในศีลาจารวัตร ตลอดจนมีจิตใจเมตตาอารีช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนในเรื่องต่าง ๆ ให้หลุดพ้นไปได้ ท่านจึงเป็นพระเถระผู้นั่งอยู่ในจิตใจของชาวบ้านโดยแท้ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ชาวบ้านและลูกศิษย์ได้ขอให้ท่านสร้าง “เหรียญรุ่นแรก” ขึ้นแจกจ่ายในบรรดาสานุศิษย์เมื่อนำไปบูชาติดตัวต่างมีประสบการณ์ต่าง ๆ มากมายทั้ง คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด และ เมตตามหานิยม ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ท่านได้สร้าง “พระสมเด็จเนื้อผง” โดยใช้ผงพุทธคุณที่ท่านทำขึ้นเอง ด้านหลังเขียนว่า “ดี ๒๑” ชาวบ้านจึงเรียกว่า “สมเด็จดียี่สิบเอ็ด” ใครมีไว้จะมีโชคลาภอยู่เนืองนิตย์ ท่านมีชีวิตอยู่จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๒๕ จึงมรณภาพด้วยความสงบ สิริรวมอายุได้ ๘๐ ปี ก่อนมรณภาพท่านได้บอกลูกศิษย์ไว้ว่า “ไม่ต้องฉีดยา ไม่ต้องเผา” ลูกศิษย์จึงเก็บร่างท่านเอาไว้จนบัดนี้ปรากฏว่า “ไม่เน่าเปื่อย” แต่ “แข็งเหมือนหิน” และ “ผิวเนื้อยังคงสภาพเดิม” ด้วยเหตุนี้วันที่ ๒๓ สิงหาคมของทุกปี ชาวบ้านและลูกศิษย์จะนำร่างท่านออกมาสรงน้ำปีละ ๑ ครั้ง มีประชาชนไปกราบขอพรกันเป็นจำนวนมากซึ่งหลายคนระบุว่า “ขออะไรมักได้ดังใจปรารถนา” อย่างเช่นเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๓๖ ขณะที่ นายชาญ จันทร์เพียร และบรรดาศิษย์ของท่านนำร่างของหลวงพ่อออกมาสรงน้ำเหมือนทุก ๆ ปี พอเปิดโลงแก้วออกมาทุกคนต้องสะดุ้งตกใจทีเห็น “นิ้วหัวแม่เท้าของหลวงพ่อทองดี” ซึ่งแข็งเป็นหิน “หลุดกระเด็น” ออกจากร่างของท่านลอยมาที่หน้า นายชาญ ผู้เป็นศิษย์ก้นกุฏิของท่าน นายชาญ จึงเก็บติดตัวไว้จนถึงทุกวันนี้เพราะช่วยให้การทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรืองโดยลำดับอ่านเพิ่มเติม