ศาสนา ความเชื่อ พระเครื่อง พุทธพาณิชย์ 

ศาสนา ความเชื่อ พระเครื่อง พุทธพาณิชย์ 

พุทธศาสนาเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนไทยมายาวนานจากรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่จำความได้เวลาครอบครัวขับรถผ่านวัดหรือเห็นพระพุทธรูปก็จะโดนบอกให้ยกมือไหว้ หรือโตขึ้นมาในวัยเรียนก็มีการสวดมนต์ มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและบางโรงเรียนยังบังคับให้ศึกษาและมีกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาให้ทำอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ยามเช้า นั่งสมาธิก่อนเข้าเรียน หรือแม้แต่การเข้าค่ายพักแรมเพื่อศึกษาพุทธธรรมนั่นเอง บางคนเริ่มเชื่อในพระพุทธศาสนาโดยการรับฟังจากคนใกล้ตัวว่าเป็นสิ่งดี บางคนไม่เชื่อจึงลองปฏิบัติตามแล้วเกิดผลลัพธ์ที่ดีจึงเชื่อ และก็ยังมีบางส่วนที่ไม่ได้เชื่อในพระพุทธศาสนาเลย แต่เข้าใจว่ากิจกรรมทางพระพุทธศาสนาต่างๆ อย่างน้อยเพียงได้สวดมนต์ ขอพร หรือเช่า พระเครื่อง มาบูชานั้นสามารถทำให้เกิดความสบายใจมากขึ้น หรือเรียกได้ว่าเป็นเครื่องช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจเอาไว้นั่นเอง 

ซีรี่ส์สาธุ กับการตีแผ่ด้านมืดของศาสนา

ซีรี่ส์เรื่องนี้คงได้ผ่านตาใครหลายๆ คนมาบ้างแล้ว เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่น่าจับตามองในการนำเรื่องพุทธพาณิชย์มาเล่า ตีแผ่เรื่องราวด้านมืดเกี่ยวกับพุทธศาสนา โดยจุดเริ่มต้นของเรื่องเกิดขึ้นจากกลุ่มวัยรุ่นนักธุรกิจที่ล้มเหลวจนเป็นหนี้ก้อนโต ทำให้ต้องหาทางเอาตัวรอดด้วยการหาเงินหลายสิบล้านมาใช้หนี้ จึ่งเป็นจุดเริ่มต้นธุรกิจใหม่ในวัดโดยการทำพุทธพานิชย์ โดยมีการเอาความเชื่อ ความศรัทธาของผู้คนมาใช้ในการหารายได้ นอกจากซีรี่ส์จะได้เล่าเกี่ยวกับพุทธพาณิชย์แล้วยังได้พูดถึงทุกปัญหาที่เกิดขึ้นจริงของศาสนาพุทธในสังคมไทยในสมัยนี้อีกด้วย 

ศาสนา ความเชื่อ ความงมงาย

หากพูดถึงหลักคำสอนและหลักปฏิบัติที่พระพุทธเจ้าได้สอน มีหลักปฏิบัติง่ายๆ เพียงแค่สามข้อเท่านั้นได้แก่ 

  1. การละเว้นการทำชั่ว 
  2. หมั่นทำความดี 
  3. ทำจิตใจให้ผ่องใส 

จากแก่นคำสอนของพระพุทธเจ้าเพียงแค่สามประการนี้หากปฏิบัติตามได้ จิตใจก็จะสงบสุขไม่เป็นทุกข์นั่นเอง หลายคนในที่นี้คงเคยได้ยินเกี่ยวกับความสอดคล้องของพระพุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์มาบ้าง โดยในทางวิทยาศาสตร์นั้นสอนให้คิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลพิสูจน์สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความจริง ซึ่งตัวของพระพุทธเจ้าเองก็ได้พูดถึงการไม่เชื่อสิ่งที่เห็นหรือได้ยิน จนกว่าจะใช้สติปัญญาในการพิสูจน์ด้วยตัวเอง และเมื่อพิสูจน์แล้วว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องและเกิดประโยชน์เมื่อปฏิบัติตามแล้วจึ่งเชื่อเช่นเดียวกันนั่นเอง จากข้อนี้จึงทำให้ได้รู้ว่าพระพุทธเจ้านั้น ไม่ได้สอนให้เรางมงายกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่น้อย 

ความงมงาย คืออะไร?

พื้นฐานของความงมงายต่างจากคำสอนของพระพุทธศาสนาอย่างสิ้นเชิง ซึ่งความงมงายนั้นเกิดขึ้นเกิดจากหลากหลายความรู้สึกเช่น

  • การมีความรู้สึกไม่มั่นคง
  • สิ้นหวัง 
  • ท้อแท้
  • เศร้าโศก

ความรู้สึกเหล่านี้ล้วนเป็นด้านลบ ซึ่งสามารถนำพาให้เกิดความงมงายได้ง่าย หลายครั้งที่การเชื่อในสิ่งงมงายนั้นไม่ได้มาจากความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลหรือพิสูจน์ได้จริง หลงผิด หรือมีความคิดหลุดออกไปจากความเป็นจริง จึงนำไปสู่การกระทำที่ผิดหลักศาสนาและสุดท้ายผลที่ตามมาคือทำให้เกิดความทุกข์กับตัวเองมากขึ้น เช่นการบนบานสานกล่าว การไหว้ขอหวย สะเดาะเคราะห์เสริมดวงชะตา ทรงเจ้าเข้าผี ของขลัง สักยันต์ฟันแทงไม่เข้า และเมื่อสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ กลุ่มคนที่มีความเชื่องมงายจึงใช้การอ้างเหตุผลง่ายๆ อย่างคำว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง เกิดจากความกลัวว่าถ้าหากสิ่งที่เชื่อเป็นสิ่งที่งมงาย ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริงแล้วจะทำให้รู้สึกสิ้นหวังกว่าเดิมนั่นเอง

พุทธพาณิชย์คืออะไร ?

พุทธพาณิชย์ก็คือการแสวงหากำไรจากสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาโดยเอาความเชื่อ ความศรัทธาของคนมาเป็นที่ตั้งในการทำกำไร อย่างที่เราได้เห็นกันในหลายๆ วัดที่มีการวางตู้หย่อนเงินใส่กล่องบริจาค การนำดอกไม้มาวางจำหน่ายสำหรับคนที่จะเข้ามาทำบุญในวัด บางที่อาจใช้คำว่าตามกำลังศรัทธา บางครั้งกำหนดราคาดอกไม้และเครื่องไหว้อื่นๆ มาเลย และในหลายๆ ครั้งเราก็จะเห็นการนำดอกไม้หรือสังฆทานที่ผู้อื่นใช้ในการสักการะไปแล้ว กลับมาวนขายซ้ำใหม่อีกรอบ ในบางวัดอาจจะมีโซนทำบุญกับสัตว์ อย่างเช่นการซื้ออาหาร ปล่อยนกปล่อยปลา ไถ่ชีวิตโคกระบือ หรือแม้แต่โซนที่มีพระเครื่องจัดจำหน่าย ถึงแม้ในบางครั้งวัดจะไม่ได้เป็นผู้ผลิตเอง แต่ทางวัดนั้นก็ยังมีรายได้ที่มาจากค่าเช่าที่อยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้น ในทุกวันนี้เป็นยุคที่ไม่ว่าวัยไหนๆ ก็สามารถเข้าถึงช่องทางออนไลน์ได้ บางครั้งมีการไลฟ์สด บางครั้งเป็นการลงภาพพร้อมแนบบัญชีช่องทางการทำบุญ ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียงรายได้เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เพราะใน 1 ปีประเทศไทยมีวัดหยุดทางศาสนาไปแล้วมากกว่า 8 วัน ซึ่งในช่วงวันหยุดประจำปีทางศาสนานี่แหละที่เป็นช่วงกอบโกยครั้งใหญ่ไม่ว่าจะเป็น

  • การทอดผ้าป่าสามัคคี 
  • ปิดทองฝังลูกนิมิต 
  • บวชนาคหมู่ 
  • งานวัดประจำปี 

สิ่งที่มีในทุกๆ ครั้งก็คือการบริจาคนั่นเอง แต่หลังจากที่เราได้นำเงินไปบริจาคแล้วเชื่อหรือไม่ว่า แทบจะไม่เคยมีใครตั้งข้อสงสัยเลยว่า เงินเหล่านั้นสรุปยอดได้เท่าไหร่ มีการนำไปใช้เพื่อบำรุงศาสนาจริงหรือไม่ แล้วถ้าไม่ เงินอยู่กับใคร? สิ่งเหล่านี้ที่พูดมาทั้งหมดนั้นถูกสรุปเป็นคำสั้นๆ ที่เรียกว่าพุทธพาณิชย์ ซึ่งยังคงเป็นที่ตั้งคำถามกันในคนกลุ่มเล็กๆ ทั้งถึงแม้จะศรัทธาในศาสนาแค่ไหน ก็ยังไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน และคนหมู่มากยังคงรู้สึกยินดีและเต็มใจที่จะ ‘ทำบุญ’ ด้วยการบริจาคเพราะเข้าใจว่า ยิ่งให้มาก ยิ่งได้รับกลับมามากนั่นเอง 

จริงๆ แล้ววัดมีไว้ทำอะไร ถ้าไม่ใช่เพื่อพุทธพาณิชย์ ? 

ตามที่หลายๆ คนเข้าใจกันนั้น วัดก็คือที่อยู่ของพระสงฆ์นั่นเอง แต่ถ้าจะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกต้องซะทีเดียว เพราะเดิมทีแล้ววัดหมายถึงสถานที่อาศัยที่รื่นรมย์ ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถอยู่ได้ แต่เนื่องจากพระสงฆ์นั้นไม่สามารถครอบครองที่อยู่อาศัยเป็นสมบัติของตัวเอง วัดจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสมแก่การอยู่อาศัยของพระสงฆ์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อความสะดวกสบายแก่พระสงฆ์ แต่เป็นสถานที่ในการทำศาสนกิจเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการบำรุงและเผยแพร่ศาสนานั่นเอง ดังนั้นการเข้าวัดจึงหมายถึงเข้าไปทำจิตใจให้สงบผ่องใส เรียนรู้หลักคำสอนของพระพุทธเจ้า หลายคนคิดว่าต้องเข้าวัดเพื่อไปทำบุญ บริจาค ทำสังฆทานหรือปล่อยนกปล่อยปลาบริจาคเงินเข้าวัด แต่การสร้างบุญนั้นเกิดจากจิตที่มีกุศล คิดดี พูดดี และทำดี ซึ่งเป็นสิ่งง่ายๆ ที่หลายคนก็ปฏิบัติได้แม้ไม่ได้อยู่ในวัด แต่เนื่องจากพิธีกรรม หรือประเพณีที่เกิดขึ้นในตามแต่ละยุคสมัย จึงทำให้มีการควบรวมเข้าหากันระหว่างการเฉลิมฉลองทางประเพณีและการทำกิจกรรมทางศาสนาเกิดขึ้น วัดจึงถูกใช้ให้เป็นสถานที่ในการประกอบพิธีการหลายๆอย่างมาจากรุ่นสู่รุ่นทั้งด้านประเพณี วัฒนธรรม และพิธีการทางศาสนานั่นเอง

ความเป็นมาของ พระเครื่อง ที่หลายคนยังไม่เข้าใจ

เราจะได้เห็นร้านเช่า พระเครื่อง ไม่ว่าจะทั้งในวัด นอกวัด หรือแม้แต่ในตลาดร้านค้าออนไลน์เรียกได้ว่าเป็นที่สนใจกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งเรามักจะได้ยินหรือเห็นพระดังๆ ที่ถูกนำมาพิมพ์เป็นพระเครื่องผ่านตากันบ้างอยู่แล้ว แต่จุดเริ่มต้นของการห้อยพระนั้นมาจากความศรัทธาต่อศาสนาที่มีต่อพระพุทธเจ้า ใช้เป็นเครื่องเตือนใจในการละเว้นการทำความชั่ว พร้อมทั้งยังเชื่อกันว่าจะช่วยเสริมสร้างสิริมงคล ป้องกันสิ่งไม่ดีที่จะเข้ามาในชีวิต จากรุ่นสู่รุ่นยุคสมัยเปลี่ยนไปก็มีการศรัทธาพระสงฆ์ตามมา ซึ่งโดยส่วนใหญ่ที่ผู้คนนับถือนั้นจะมีความพิเศษกว่าพระสงฆ์ทั่วไป เนื่องจากถูกจัดให้เป็นพระอรหันต์ จึงเกิดการทำพระพิมพ์หรือพระเครื่องต่างๆ เพื่อใช้เป็นตัวแทนแสดงถึงความศรัทธาที่มีนั่นเอง ถึงแม้ว่าการเช่าบูชาพระเครื่องนั้นจะเกิดขึ้นจากความศรัทธาทางจิตใจ แต่ผู้ที่มีความเลื่อมใสในพระแต่ละรูปก็พยายามที่จะตามหาพระแท้จึงเกิดเป็นกิจกรรมส่องพระกันเกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย ยิ่งถ้าหากเป็นพระหายากก็ยิ่งต้องพึ่งระวังและมีการตรวจสอบกันอย่างจริงจัง เราได้รวบรวมพระที่คนนำมาหลอกขายมากสุด 3 อันดับได้แก่

  1. พระสมเด็จ สุดยอดพระเครื่องที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จัก เป็นพระที่อยู่คู่ประเทศไทยมาถึง 5 รัชกาลด้วยกัน มีปัญญาเฉลียวฉลาดเป็นผู้รู้ผู้ตื่นที่ชาวบ้านและแม้แต่กษัตริย์ก็ต่างรักใคร่และเลื่อมใส
  2. หลวงปู่ทวด ในครั้งหนึ่งเมื่อหลวงปู่ได้เดินทางด้วเรือสำเภาแต่เกิดเหตุไม่คาดฝันจึงทำให้ต้องล่องอยู่ในทะเลหลายวัน น้ำสะอาดที่มีก็ขาดแคลน หลวงปู่นำเท้าไปจุ่มในน้ำและน้ำทะเลก็จืดในทันทีจึงถูกเรียกขานอีกชื่อว่าหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดนั่นเอง 
  3. หลวงพ่อคูณ เป็นพระที่ทำคุณงามความดีช่วยเหลือผู้ยากไร้จากเงินบริจาคที่ได้รับ ทั้งยังได้สร้างปาฏิหาริย์ทางด้านเครื่องรางของขลังจนเป็นที่เลื่อมใสของชาวพุทธตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ถึงแม้จะมีเรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับศาสนาพุทธอยู่บ่อยๆ แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ไม่มีวันถูกทำลายก็คือหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนมาแล้วเป็นสหัสวรรษก็ยังเหมือนเดิม เพียงแค่ไม่คิดร้ายทำดีและทำจิตใจให้ผ่องใสก็ได้บุญแล้ว

หาซื้อพระเครื่องใน Kaidee ได้ที่นี่

สอบถามข้อมูลอื่นๆ หรือสิทธิพิเศษเพิ่มเติม

กรุณาสแกนคิวอาร์โค้ด หรือเพิ่มเพื่อนด้วยไอดีไลน์ @kaideeofficial