Dark Academia: แต่งห้องวินเทจดาร์กๆ สไตล์คนคูล

Dark Academia: แต่งห้องวินเทจดาร์กๆ สไตล์คนคูล

สรุปบทความ

เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำว่า ‘ดาร์ก อคาเดเมีย’ (Dark Academia) กันมาบ้างแล้ว วันนี้รับรองว่าเพื่อนๆ จะได้รู้ลึก และเข้าใจถึงแฟชั่น ‘ดาร์ก อคาเดเมีย’ ได้ดียิ่งขึ้นไปอีก ทั้งที่มาของมัน อะไรที่บ่งบอกถึงแฟชั่นนี้ได้ดีที่สุด และยังรวมไปถึงเหตุผลต่างๆ ที่ทำให้แฟชั่น ดาร์ก อคาเดเมีย กลายเป็นแฟชั่นที่เหล่าวัยรุ่น Gen Z สมัยนี้ให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง บางคนถึงขั้นเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ตามเลยทีเดียว ถ้าอยากรู้คำตอบ Keep Reading ค่ะ

ขอบคุณรูปจาก nssmag

การแต่งห้อง และการแต่งตัวตามเทรนด์แฟชั่น ดาร์ก อคาเดเมีย (Dark Academia) อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากในประเทศไทย แต่เพื่อนๆ รู้ไหมคะว่าที่ต่างประเทศ แฟชั่น ดาร์ก อคาเดเมีย ได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่ว่าจะในหมู่คนมีอายุ วัยทำงาน และก็เป็นที่น่าแปลกใจที่กลุ่มเด็กรุ่นใหม่ หรือเด็ก Gen Z ทั้งหลายต่างก็ได้แสดงความชอบ และหลงใหลแฟชั่นที่ว่านี้เช่นกัน ถึงขั้นมีคำเรียกติดปากในหมู่วัยรุ่นกันว่า “Dark Academia Aesthetic” เลยทีเดียว

แล้วทำไมล่ะ ทำไมถึงวัยรุ่นสมัยใหม่ กลับดันชอบแฟชั่น สไตล์วินเทจ คลาสสิก มืดๆ ไม่มีสีสันพวกนี้…….

แล้วเพราะอะไรกันนะ เทรนด์นี้ถึงได้กลายมาเป็นสไตล์ที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้หลายที่ ไม่ว่าจะกับการตกแต่งห้อง วิธีจัดวางชั้นหนังสือ กลายเป็นแนวเพลง และแน่นอนว่ามันก็ได้กลายเป็นสไตล์การแต่งตัวเช่นกัน

วันนี้เรามีคำตอบมาให้ได้เข้าใจกัน และไม่แน่นะคะ เมื่ออ่านบทความนี้จบ สไตล์การแต่งตัว หรือห้องนอนของเพื่อนๆ อาจจะเปลี่ยนไปเลยก็ได้ ใครจะรู้

“ดาร์ก อคาเดเมีย (Dark Academia) คืออะไรกันแน่”

ขอบคุณรูปจาก dubeat

ก่อนอื่นเพื่อนๆ ต้องเข้าใจก่อนว่า คำว่า ดาร์ก อคาเดเมีย ไม่ใช่คำเรียกกลุ่มลัทธิ ไม่ใช่ชื่อองค์กร และที่สำคัญมันไม่ใช่คำอธิบายเรียกกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ถ้าพูดให้เข้าใจได้ง่ายๆ ดาร์ก อคาเดเมีย เป็นคำที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อใช้อธิบาย ไลฟ์สไตล์ ของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งได้อินสไปเรชันมาจาก สถาปัตยกรรม และการออกแบบภายในจากฝั่งตะวันตกในช่วงศตวรรษที่ 20 นั่นเอง 

เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น ลองนึกภาพ ศาสตราจารย์ ผูกเนคไทเนี้ยบๆ ใส่เสื้อไหมพรม สอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยที่มีสถาปัตยกรรมรูปแบบปราสาท ในหนังฝรั่งเก่าๆ ดูนะคะ พอเห็นภาพกันชัดขึ้นไหมเอ่ย 

ถ้ายังไม่ชัด เรามาดูตัวอย่างหนังดังที่มีบรรยากาศแบบ ดาร์ก อคาเดเมีย เป็น Mood ในการดำเนินเรื่องกัน

Harry Potter

เริ่มกันที่หนังดังในตำนานกันก่อนเลย 

‘Harry Potter’ เป็นอีกเรื่องที่ให้ฟิล ดาร์ก อคาเดเมีย ได้ชัดเจน เนื่องจากตัวเรื่องส่วนใหญ่นั้น เกิดขึ้นที่ ฮอกวอตส์ (Hogwarts) ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ และที่มีสถาปัตยกรรมแบบปราสาท จึงให้บรรยากาศดาร์กๆ แต่ยังคงความคลาสสิกตรงกับ สไตล์ ดาร์ก อคาเดเมียเป็นที่สุด

Queen’s Gambit

ถึงแม้ว่าเรื่อง ‘Queen’s Gambit’ จะไม่ได้มีเนื้อเรื่องอยู่ในปราสาทใหญ่โต แต่ต้องบอกเลยว่า เสื้อผ้า หน้าผม ของตัวละครทุกตัว บ่งบอกถึงแฟชั่น ดาร์ก อคาเดเมีย ได้อย่างเยี่ยมยอดมากๆ ตั้งแต่ เสื้อคอเต่าสีเอิร์ธโทน รองเท้าบูต ถุงน่องดำ นาฬิกาสายหนังหน้าปัดแบบอนาล็อก เป็นต้น

Kill Your Darling

‘Kill Your Darling’ เป็นหนังที่เรียกได้ว่าบรรยายความเป็น ดาร์ก อคาเดเมีย ได้อย่างลงตัวที่สุดเลยก็ว่าได้ ทั้งบรรยากาศที่ย้อนยุคไปยังลอนดอนปี 1940, คอสตูมของนักแสดง, และเรื่องราวที่ลึกลับออกแนว ทริลเลอร์ (Thriller) ถ้าใครใจแข็งพอ รับการจบแบบไม่แฮปปี้ได้ แนะนำเรื่องนี้เลยค่ะ ถูกใจแน่นอน

ตามที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้ว่า ดาร์ก อคาเดเมีย เป็นไลฟ์สไตล์ เพราะฉะนั้นจึงสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ทั้ง สไตล์การตกแต่งบ้าน และแฟชั่นการแต่งตัว 

การแต่งตัวตามแฟชั่น ดาร์ก อคาเดเมีย จะเน้นความมินิมอล เรียบง่าย แต่คงความวินเทจด้วยการใช้สี น้ำตาล เบจ ดำ ขาว และสีเอิร์ธโทนอื่นๆ ดังนั้นสีฉูดฉาดอย่างสีแดงมองข้ามไปได้เลยค่ะ ส่วนประเภทของเสื้อนั้น จะนิยมใช้เป็นเสื้อคอเต่า เสื้อสเว็ตเตอร์ รองเท้าหนัง เข็มขัดเส้นเล็กสีดำ เป็นต้น

การแต่งห้องแบบ Dark Academia 

เพราะการแต่งตัวตามสไตล์ ดาร์ก อคาเดเมีย นั้นค่อนข้างง่าย ตรงกันข้ามกับการแต่งห้องที่จำเป็นต้องมีความพิถีพิถัน ในการเลือกของตกแต่งให้เหมาะสม จึงจะได้มาซึ่งสไตล์ห้องแบบที่เราต้องการ วันนี้เราเอาเคล็ดลับการตกแต่งห้องยังไงให้ได้ฟิลล์แบบ ดาร์ก อคาเดเมีย มาฝากกัน มาดูกันเลยค่ะ

1. เฟอร์นิเจอร์ ต้องคุมโทน

ขอบคุณรูปจาก womanology

จะเห็นได้ว่าห้องสไตล์ ดาร์ก อคาเดเมีย จะเน้นเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจากไม้จริง (Solid Wood) ซึ่งต่างจากสไตล์ห้องโมเดิร์นในปัจจุบัน ที่นิยมใช้ไม้ เอ็มดีเอฟ แทนการใช้ไม้จริง เนื่องจากมีน้ำหนักเบา และทนทานต่อความชื้น 

เฟอร์นิเจอร์ไม้ในห้อง ยกตัวอย่างเช่น โต๊ะไม้ เก้าอี้ไม้ พื้นเตียงไม้ และตู้เสื้อผ้าไม้ ส่วนไม้ที่นิยมนำมาใช้นั้นได้แก่ ไม้มะฮอกกานี, ไม้วอลนัท, ไม้เชอรี่ เป็นต้น 

เนื่องจากห้องมีเฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นหลัก พาเลทสีของของตกแต่งภายในห้องควรจะเป็นสีเอิร์ธโทน หรือสีโทนเข้ม อย่างเช่น สีน้ำตาล สีเทา สีขาว สีเบจ สีเขียวตุ่น หรือสีแดงเลือดหมู เพราะสีเหล่านี้เข้ากันกับสีของเนื้อไม้ได้ดี สมดุลกัน และไม่ทำให้สีใดสีหนึ่งโดดเด่นขึ้นมามากจนเกินไป 

2. ตัดแปะ ที่ผนังห้อง

ขอบคุณรูปจาก okchicas

วิธีเพิ่มความวินเทจ และความคลาสสิกให้ตัวห้อง โดยไม่ต้องเสียเงินมากมายไปกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ นั่นก็คือการนำเอาศิลปะมาตกแต่งที่ผนังห้องค่ะ แนะนำให้ใช้เป็นรูปวาดศิลปะยุคกรีกหรือโรมัน เพื่อให้เข้ากับธีมหลักของห้อง นอกจากนี้สีที่ใช้กับศิลปะของยุคนั้น ได้แก่ สีครีม ขาว แดงก่ำ และสีเข้มอมน้ำตาลแดง ซึ่งจะให้ฟิลคลาสสิกได้เป็นอย่างดี

แต่ถ้าใครทุนน้อยจริงๆ การฉีกหน้ากระดาษจากหนังสือเก่าๆ มาแปะที่ผนัง ก็เก๋ ดูวินเทจ ไปอีกแบบนะคะ

3. กระจกบานใหญ่ ขาดไม่ได้

ขอบคุณรูปจาก eslamoda

นอกจากกระจกจะเอาไว้ส่องดูความสวย และความเรียบร้อยของตัวเองแล้ว กระจกยังเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่สำคัญในการแต่งห้องเช่นกัน 

กระจกหลุยส์วินเทจขอบสีทอง เป็นกระจกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องด้วยตัวกระจกที่มีสีทองเป็นองค์ประกอบหลัก จึงสามารถช่วยยกระดับความหรูหราให้ตัวห้อง และในขณะเดียวกันยังเพิ่มความคลาสสิกได้ดี 

ยิ่งถ้าขอบสีทองของกระจก มีรอยขีดข่วน หรือมีร่องรอยการลอกบริเวณขอบนิดหน่อยแล้วนั้น ยิ่งจะช่วยเพิ่มความเป็นธรรมชาติ บ่งบอกถึงอายุการใช้งาน และเป็นการช่วยเพิ่มเรื่องราวให้กับตัวห้องของเพื่อนๆ ได้อีกด้วย

4. อย่าลืม ชั้นหนังสือ

ขอบคุณรูปจาก aesthetics.fandom

แน่นอนที่สุด สิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นซิกเนเจอร์การตกแต่งห้องแบบ ดาร์ก อคาเดเมีย นั่นก็คือ ชั้นหนังสือ ที่เต็มไปด้วยหนังสือคลาสสิก หรือที่เรียกว่า หนังสือแนว Literature ยกตัวอย่างเช่น Romeo & Juliet และ บทกวี ต่างๆ นั่นเองค่ะ 

ทำไมต้องเป็นหนังสือคลาสสิกเพื่อนๆ สงสัยกันไหม เพราะหนังสือคลาสสิกส่วนใหญ่มีหน้ากระดาษสีน้ำตาลอ่อน ต่างจากหนังสือนิตยสาร ที่เน้นไปทางสีสัน จึงอาจจะทำร้ายความวินเทจของห้องได้นั่นเอง 

5. เทียนหอม เพิ่มฟิลโรแมนติก

ต้องบอกเลยว่า ไม่มีสิ่งใดที่สามารถช่วยสร้างบรรยากาศละมุน อบอุ่น สุดคลาสสิกไปได้ดีไปกว่าเทียนหอมอีกแล้ว นอกจากการจุดเทียนหอมจะช่วยทำให้ห้องมีความ Cozy ขึ้น ด้วยสีเหลืองอ่อนๆ จากไฟเทียนที่คุณจุด ซึ่งได้สะท้อนไปทั่วห้องแล้ว แน่นอนว่าหน้าที่หลักของเทียนหอมคือ การส่งกลิ่นหอม นั่นเอง

กลิ่นหอมจะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย ลดไมเกรน แล้วยังทำให้นอนหลับสบายได้อีกด้วย 

เทียนหอมคุณภาพ ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ยาวนาน ไม่ฉุนให้ปวดหัว เราขอแนะนำ เทียนหอมจาก Jo Malone เลยค่ะ กลิ่น ‘Peony Blush Suede’ เป็นกลิ่นหวานอ่อนๆ ผลไม้นิดๆ เพียงพอที่จะทำให้น้ำลายไหลเมื่อได้กลิ่น แต่ไม่ปวดหัวแน่นอน

ขอบคุณรูปจาก Jo Malone

แต่สำหรับใครที่ทุนน้อย เทียนหอม Bath & Body Works ก็ดีไม่แพ้กันค่ะ แถมยังมีกลิ่น ยูนิคๆ ให้เลือกมากมาย กลิ่นที่เหมาะกับบรรยากาศแบบ ดาร์ก อคาเดเมีย ที่สุด ขอยกให้เป็นกลิ่น ‘Campsite Coffee’ เลยค่ะ เพราะนอกจากจะได้กลิ่นของเมล็ดกาแฟ เหมือนได้ยกสตาร์บัคมาไว้ในห้องแล้ว ยังได้กลิ่นเตาผิง และกลิ่นมาร์ชเมลโลไหม้เบาๆ ลอยตามกลิ่นกาแฟมาอีกด้วย

ขอบคุณรูปจาก jacampustrading

สรุปท้ายบทความ

เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย หวังว่าบทความนี้จะทำให้เพื่อนๆ ได้เข้าใจสไตล์ ดาร์ก อคาเดเมีย กันมากขึ้นนะคะ แต่อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า คำว่า ดาร์ก อคาเดเมีย ไม่ได้เป็นคำที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออธิบายเรียกกลุ่มบุคคลใดกลุ่มบุคคลหนึ่ง แต่เป็นแฟชั่น หรือเป็นไลฟ์สไตล์ที่มีผู้คนจำนวนมากหลงใหล

ถ้าเพื่อนๆ อ่านบทความนี้แล้วรู้สึกคันไม้คันมือ อยากลองตกแต่งห้องให้ได้ฟิลแบบ ดาร์ก อคาเดเมีย ดูบ้าง แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากไหนดี ที่ไหนขายเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งห้องวินเทจบ้างนะ “Look No Further” เลย ที่ Kaidee เรามีเฟอร์นิเจอร์ทุกแบบ ทุกแนว ให้ได้เลือกดูกันแบบจุๆ คลิกเลย

สอบถามข้อมูลอื่นๆ หรือสิทธิพิเศษเพิ่มเติม

กรุณาสแกนคิวอาร์โค้ด หรือเพิ่มเพื่อนด้วยไอดีไลน์ @kaideeofficial