เจาะ Haval H6 PRO และ ULTRA วัดกันหมัดต่อหมัดรุ่นไหนใช่สำหรับคุณ?

เจาะ Haval H6 PRO และ ULTRA วัดกันหมัดต่อหมัดรุ่นไหนใช่สำหรับคุณ?

เปรียบเทียบ Haval H6 PRO หรือ ULTRA รุ่นไหนเหมาะ และตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของคุณ

มาแรงสุดแบบฉุดไม่อยู่กับรถไฮบริดเอสยูวี Haval H6 ที่อัดแน่นไปด้วยฟังก์ชัน และเทคโนโนยีสุดล้ำมากกว่าใครเพื่อนในรถประเภท C SUV ในราคาจับต้องได้

Haval H6 วางจำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมด 2 รุ่นได้แก่รุ่น PRO และ ULTRA ซึ่งเราเชื่อว่าหลายคนที่กำลังสนใจรถเอสยูวีไฮบริดคันนี้อยู่คงมีคำถามในใจว่าระหว่างทั้งสองรุ่น มันต่างกันอย่างไร และ ซื้อรุ่นไหนคุ้มค่ากว่ากัน?

วันนี้ Kaidee Auto เราจะมาเทียบให้เห็นกันชัดๆ ว่าทั้ง 2 รุ่นมีอะไรที่ให้มาไม่เหมือนกัน เพื่อให้คุณได้เจอกับ H6 รุ่นที่ใช่พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิต

ดีไซน์ที่แตกต่างสะท้อนหลายอารมณ์

Exterior

ความแตกต่างแรกที่สังเกตเห็นได้เลยคือ ดีไซน์ภายนอกที่แตกต่างเล็กน้อยแต่ให้ความรู้สึกคนละอารมณ์ด้วยกระจังหน้า

Classic Geometric Pattern ของ H6 PRO จะเป็นสี Glossy Black แต่ H6 ULTRA เป็นสี Chrome

ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับไฟหน้า LED ที่ให้ความสว่างแบบ Ultra-High Flow มีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ แต่ในรุ่น ULTRA จะมีไฟตัดหมอกเสริมมาให้

ในส่วนของล้อแม็กทั้ง 2 รุ่นมีดีไซน์ และขนาดที่ต่างกัน รุ่น PRO จะมากับล้อขอบ 18 ดีไซน์สปอร์ตหน่อยๆ ส่วน H6 ULTRA จะมากับล้อขอบ 19 ดีไซน์เรียบหรูดูภูมิฐาน

ถัดมาที่ด้านท้ายของทั้งสองรุ่นเรียกได้ว่าเหมือนกันเลยเพราะทั้งคู่มาพร้อมกับไฟท้าย LED Taillight Strip พาดกลางสไตล์ Horizontal ที่ดูโดดเด่นมีเอกลักษณ์มาแต่ไกล

หลังคาของรุ่น PRO จะเป็นหลังคาแข็งปกติกลับกันรุ่น ULTRA จะเป็นหลังคา Panoramic Sunroof เปิด-ปิด อัตโนมัติ

Interior

เรามาดูออฟชั่นภายในที่เหมือนกันของทั้ง 2 รุ่นก่อนแล้วจะสัมผัสได้ว่า H6 ฟังก์ชันภายในท่วม คุ้มค่าตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น

ดีไซน์ และฟังก์ชันภายในที่ให้มาเหมือนกันระหว่างรุ่น PRO และ ULTRA ได้แก่…..

ไฟ Ambient Light
หัวเกียร์แบบ High Gloss
พวงมาลัย Multi-Function
  • ระบบแอร์ปรับอากาศแยกซ้ายขวาอัตโนมัติป้องกันละอองฝุ่น PM2.5 ได้ด้วย CN95 Filter
  • ลำโพงภายในรถ 8 จุด พร้อมเทคโนโลยีปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ
  • กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
  • เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า
  • จอมาตรวัดดิจิตอลขนาด 10 นิ้ว

เรามาดูในส่วนที่ต่างกันระหว่างตัว PRO กับ ULTRA กันบ้าง สิ่งแรกที่เห็นความต่างได้เลยเมื่อเข้ามาภายในรถคือ สีภายในรถที่ไม่เหมือนกันตัว H6 PRO จะมากับสีทูโทน Piano Black

ภายในสี Piano Black

ในขณะที่รุ่น ULTRA เป็นทูโทนสีขาว และโรสโกลด์

ภายในสี White & Rose Gold

Haval ให้เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้ามาทั้งสองรุ่นแต่ตัว ULTRA พิเศษกว่าตรงที่เบาะด้านซ้ายมีปุ่มให้ปรับที่คนขับ และผู้โดยสารด้านหลังสามารถปรับได้

จอแสดงผลระบบสัมผัสขนาด 10 และ 12 นิ้ว

ตำแหน่งคนขับรุ่น ULTRA จะมีหน้าปัดลอยตัว Head Up Display (HUD) มาให้ และ กลางคอนโซลของรถภายในรุ่น PRO มากับจอแสดงผลระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว ส่วนรุ่น ULTRA จะได้จอขนาด 12 นิ้ว พร้อมกับ Wireless Charger

ตอบสนองทุกการขับเคลื่อนด้วยสมรรถนะสุดล้ำ

ในด้านของสมรรถนะของทั้ง 2 รุ่นนั้นมาในสเปกเดียวกันด้วย เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบผสานการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุดถึง 243 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 530 นิวตัน-เมตร

เสริมการขับเคลื่อนด้วยเกียร์อิเล็กทรอนิกส์ DHT รองรับการขับเคลื่อนของรถไฮบริดโดยเฉพาะ และ ไฮไลท์ที่คุณจะได้มันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นเลยคือ LEMON HYBRID Platform

LEMON HYBRID PLATFORM

เทคโนโลยีอัจฉริยะใหม่จากทาง GWM ที่จะช่วยเสริมโครงรถสร้างของรถ และเป็นแพลตฟอร์มที่มีข้อมูล หรือ โหมดการขับขี่ให้เลือกใช้ถึง 4 รูปแบบ ได้แก่ โหมดมาตรฐาน, สปอร์ต, ประหยัด และ สภาพถนนลื่น

จัดเต็มเทคโนโลยีช่วยขับขี่แบบไม่กั๊ก

อีกหนึ่งสิ่งที่รุ่น PRO และ ULTRA ต่างกันในราคาส่วนต่างหนึ่งแสนบาทคือ เทคโนโลยีช่วยขับขี่ที่รุ่น ULTRA มีเสริมเพิ่มเข้ามา 8 รายการได้แก่

  • ระบบช่วยจอดทั้ง 3 รูปแบบ (IAP)
  • ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA)
  • ระบบเลี่ยงเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (ELK)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกชนจากด้านหลัง (RCW)
  • ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
  • ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB)
  • ระบบช่วยเตือนการเปิดประตูรถ (DOW)

แต่ก็ใช่ว่ารุ่น PRO จะไม่ครบครัน เพราะถ้าเปรียบเทียบกับรถ C SUV ใน segment เดียวกัน H6 PRO ถือว่าให้เทคโนโลยีช่วยขับขี่ และระบบความปลอดภัยที่จัดเต็มกว่าใครเพื่อนเลยก็ว่าได้ เช่น

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA)
  • ดิสก์เบรกขนาดใหญ่ทั้ง 4 ล้อ
  • กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้า (FCW)
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD)
  • ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ (LSEB)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA)
  • ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA)
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า / ด้านข้าง และม่านถุงลม

และอีกมากมายดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คลิก

เปิดโลกใหม่ด้วยฟังก์ชันแห่งอนาคต

ให้ได้คุณสัมผัสฟังก์ชันแห่งอนาคตตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ที่จะเชื่อมต่อทุกด้านของชีวิตให้เป็นหนึ่งเดียวด้วยระบบ Intelligent Connectivity ที่รองรับทั้งการสั่งการแบบ Voice Command ที่สามารถสั่งการด้วยเสียงได้ และทำงานอย่างรวดเร็วโดยที่คุณสามารถตั้งชื่อคู่หูอัจฉริยะของคุณได้ตามใจชอบ เช่น สั่งว่า H6 เปิดหน้าต่างทั้งหมดหน้าต่างทั้งหมดก็จะเปิดอย่างรวดเร็ว

มากไปกว่านั้น H6 ยังรองรับการควบคุมรถด้วย Intelligent GWM Application ซึ่งเป็น Application ที่มีระบบตรวจสอบสถานะพร้อมควบคุม feature ต่างๆ เช่น ระบบค้นหาตำแหน่งรถยนต์, ระบบตรวจสอบสถานะประตู, ระบบตรวจสอบสถานะหน้าต่าง และ อื่นๆ อีกมากมาย

สรุป

สุดท้ายนี้ที่เปรียบเทียบมาทั้งหมด สรุปสั้นๆ ได้ว่า H6 PRO เหมาะกับคนที่ชอบอารมณ์ความสปอร์ต เช่น กระจังหน้าดำ, ตกแต่งภายในสี Piano Black และไลฟ์สไตล์ไม่ได้เน้นใช้ฟังก์ชันพิเศษมากมาย ตัว PRO คือคำตอบที่คุ้มค่าเกินราคามากๆ ครับ

แต่ใครที่หลงไหลหรือชอบฟังก์ชันล้ำสมัย รวมถึงดีไซน์ที่หรูหราด้วยภายในสี White & Rose Gold, กระจังหน้าสี Chrome และอื่นๆ เราขอแนะนำรุ่น ULTRA ที่ให้ฟังก์ชันเสริมมาอย่างจัดเต็ม สาย Gadget หรือ Technology ต้องหลงรักอย่างแน่นอน เชื่อว่าหลายคนคงได้คำตอบแล้วว่า H6 รุ่นไหนที่ใช่สำหรับคุณ

สุดท้ายนี้ถ้าใครอ่านบทความนี้แล้ว แล้วอยากจะไปสัมผัสเจ้า Haval H6 ตัวจริงแบบสุดพิเศษ เราขอแนะนำ GWM Experience Center ที่ไม่ได้เป็นแค่โชว์รูมแต่เป็น The 4th Space หรือพื้นที่ที่ 4 ของทุกคนอีกด้วย

โดยมีพื้นที่รองรับกิจกรรมต่างๆ เช่น Working Space, Relaxing Zone, คาเฟ่, สไลด์เดอร์ขนาดใหญ่ และ การจัดแสดงเทคโนโลยี และ นวัตกรรมยานยนต์ที่ทันยุคสมัยรวมถึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

สอบถามข้อมูลอื่นๆ หรือสิทธิพิเศษเพิ่มเติม

กรุณาสแกนคิวอาร์โค้ด หรือเพิ่มเพื่อนด้วยไอดีไลน์ @kaideeofficial