ประเทศไทยเป็นประเทศเมืองร้อนไม่ว่าจะเดินทางไปไหนมาไหนต้องมีเหงื่อตกกันบ้าง ซึ่งชีวิตประจำของคนเราส่วนใหญ่นั้นคือการเดินทาง ไม่ว่าจะไปเรียน ไปทำงาน หรือไปท่องเที่ยวก็ตาม การเดินทางด้วยรถยนต์ในแต่ละครั้ง ถ้าหากรถไม่ได้ติดฟิล์มกรองแสงแล้วล่ะก็ ต้องมีร้อนเหมือนโดนอบอยู่ข้างในรถอย่างแน่นอน
การติดฟิล์มกันรอยและกันความร้อนก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้รถยนต์ของเรานั้นเย็นขึ้น ขับขี่ได้อย่างสบาย หมดห่วงทุกสภาพอากาศที่จะต้องเผชิญอยู่ในทุกๆวัน ซึ่งบทความนี้รวมมาให้แล้วว่าวิธีเลือกฟิล์มติดรถยนต์อย่างไรให้ตรงความต้องการ และคุ้มค่ามากที่สุด!!
ประเภทของฟิล์มติดรถยนต์
ฟิล์มกรองแสงรถยนต์นอกจากจะช่วยกันความร้อนและรังสี UV แล้ว ยังช่วยไม่ให้สิ่งของต่างๆหรืออุปกรณ์ที่อยู่ภายในห้องโดยสารนั้นเสื่อมสภาพเร็วอีกด้วย ซึ่งฟิล์มกรองแสงนั้นก็มีอยู่มากมายถึง 5 ประเภทด้วยกัน มาดูกันว่าจะมีอะไรบ้าง
1. ฟิล์มกรองแสงแบบธรรมดา (Deep Dyed Window Films)
เป็นฟิล์มกรองแสงแบบปกติ หรือที่เรียกๆกันว่า “ฟิล์มกรองแสงแบบย้อมสี” ที่มีประสิทธิภาพไม่ค่อยดีนัก และไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากฟิล์มชนิดนี้ ไม่สามารถกันความแรงของแสงแดดและรังสี UV ได้น้อยกว่าประเภทอื่น ๆ อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานที่สั้น ทำให้ต้องเปลี่ยนทุก ๆ 3-5 ปี
2. ฟิล์มลดความร้อนแบบไอโลหะ (Metallized Window Films)
ฟิล์มประเภทนี้ส่วนใหญ่จะเรียกว่า “ฟิล์มปรอท” โดยที่ผิวนอกของฟิล์มนั้นจะเคลือบสารไอโลหะ ทำให้ฟิล์มมีความแวววาว ซึ่งเป็นคุณสมบัติพิเศษและแตกต่างจากชนิดอื่น ๆ ที่จะช่วยสะท้อนแสงแดด รังสีความร้อน รวมไปถึงรังสี UV อีกทั้งยังช่วยลดอุณภูมิภายในห้องโดยสารได้ถึง 99% และมีอายุใช้งานที่ยาวนานได้ 5-7 ปี เลยทีเดียว
3. ฟิล์มลดความร้อนแบบเคลือบอนุภาคโลหะ (Metal Sputtering Window Films)
เป็นฟิล์มกรองแสงที่มีความคล้ายคลึงกับ “ฟิล์มลดความร้อนแบบไอโลหะ” เพราะฟิล์มชนิดนี้เคลือบสารไอโลหะ เหมือน ๆ กัน แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาพิเศษกว่า คือ การเคลือบสารไอโลหะด้วยวิธี Sputtering เป็นการทำให้อนุภาคไอโลหะนั้นบางลง ฟิล์มที่ได้จะมีความสามารถเหมือนเดิม แต่ฟิล์มภายนอกแวววาวจะใสขึ้น มีความเรียบเนียนขึ้น และเพิ่มอายุการใช้งานเกินกว่า 10 ปี
4. ฟิล์มกรองแสงนาโน (Nano-IR Window Films)
ฟิล์มชนิดนี้เป็นการนำอนุภาคนาโนมาเคลือบทำให้ฟิล์มมีความใส ทำให้ไม่บดบังวิสัยทัศน์ในการมองเห็นของทั้งผู้ขับขี่และผู้อื่นภายนอกรถยนต์อีกด้วย ซึ่งฟิล์มชนิดนี้สามารถกันแสงแดด รวมไปถึงรังสี UV ได้สูงที่ถึง 100% และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากกว่า 10 ปี อีกด้วย
5. ฟิล์มนิรภัย (Safety Window Films)
เป็นฟิล์มที่มีความหนากว่าฟิล์มปกติทั่วไป โดยนำแผ่น Polyester มาเคลือบไว้ ให้มีความเหนียวแน่น เพื่อป้องกันแรงกระแทกจากเศษหินที่อาจกระเด็นมาโดนหรือจากการทุบกระจกในการโจรกรรมได้ระดับหนึ่ง ฟิล์มชนิดนี้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานได้เกินกว่า 10 ปี
5 ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อฟิล์ม
ก่อนที่เราจะเลือกซื้อฟิล์มกรองแสงในแต่ละครั้ง มีสิ่งที่ควรเริ่มศึกษาก่อนที่จะลงทุนในอะไรก็ตามทุกๆครั้ง เพื่อที่จะได้ทราบว่าเงินที่เราลงทุนไปคุ้มค่าหรือไม่ กับความต้องการในการใช้งาน ให้ได้ประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ จะมีอะไรบ้างมาดูไปพร้อม ๆ กันเลย
1. ความเข้มของฟิล์ม
ฟิล์มติดรถนั้นก็มีความเข้มที่หลากหลาย ซึ่งความเข้มนี้จะแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ของแสงที่สามารถทะลุผ่านเนื้อฟิล์มว่ามากหรือน้อยเท่าไร ซึ่งแบ่งออกได้ ดังนี้
- ความเข้ม 40% แสงสามารถส่องผ่านได้ 35-50%
- ความเข้ม 60% แสงสามารถส่องผ่านได้ 15-25%
- ความเข้ม 80% แสงสามารถส่องผ่านได้ 5-10%
2. กฏหมายข้อบังคับเรื่องฟิล์มกันแดด
ก่อนที่จะติดตั้งฟิล์มลงกระจกรถยนต์นั้น ควรที่จะศึกษาข้อมูลในเรื่องของข้อกำหนดต่างๆว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งตามกฏหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกนั้น กำหนดไว้ว่า
- ฟิล์มกรองแสง ให้ติดได้เต็มบานหน้าต่าง แต่ทั้งนี้ เมื่อวัดการผ่านของแสงแล้ว แสงต้องผ่านทั้งวัสดุโปร่งแสงและฟิล์มกรองแสงได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ห้ามมิให้ติดฟิล์มกรองแสงที่บานหน้าต่างที่กำหนดให้เป็นกระจกนิรภัยประเภทเทมเปอร์ และใช้สำหรับเป็นทางออกฉุกเฉิน
- วัสดุเพื่อบังหรือกรองแสงแดดแบบปรับตำแหน่งได้ ให้ติดกับบานหน้าต่างได้ แต่ต้อง ไม่บดบังทัศนวิสัยในการมองเห็นของผู้ขับรถ
3. วัตถุประสงค์ในการใช้งาน
เหตุผลในการใช้ฟิล์มประเภทใดก็ตาม ขึ้นอยู่กับผู้ขับขี่นั้นติดฟิล์มเพื่ออะไร หากติดเพื่อความสวยงามอาจจะติดแบบธรรมดา แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเลยคือเรื่องของพฤติกรรมการใช้รถยนต์
4. ราคาของแต่ละยี่ห้อ
การศึกษายี่ห้อก่อนการตัดสินใจนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างแรกเลย ไม่ว่าจะเป็นการหารีวิวจากผู้ใช้งานจริง หรือจะหาข้อมูลจากเว็ปไซต์ตัวแทนจำหน่ายเองก็ตาม ที่ทำให้ได้ทราบถึงข้อมูลเบื้องลึกของ ประเภทของฟิล์ม สี และความแตกต่างในแต่ละรุ่น (ราคาจะเปลี่ยนแปลงไปตามประเภทของรถ รุ่น และฟิล์มกรองแสง)
5. การรับประกันฟิล์ม
ฟิล์มยี่ห้อที่ดีนั้นควรจะมีรับประกันฟิล์มลอก ฟิล์มเสื่อมสภาพ หรือไม่ตรงตามความต้องการ ซึ่งไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม ร้านรับติดฟิล์มส่วนใหญ่นั้นจะรับประกันฟิล์มที่ติดไปให้สูงสุดถึง 7 ปี ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรที่จะสอบถามรายละเอียด รวมไปถึงข้อกำหนดในการประกัน เผื่อว่าฟิล์มที่ติดไปนั้นเสื่อมสภาพก่อนอายุการใช้งานจริงโดยที่ผู้ขับขี่ไม่ได้ตั้งใจ จะได้สามารถเปลี่ยนได้อย่างทันท่วงที
สรุปท้ายบทความ
ฟิล์มติดรถยนต์นั้นเป็นอีกหนึ่งความจำเป็นที่รถยนต์ทุกคันควรจะติด นอกจากจะช่วยป้องกันผู้ขับขี่และผู้โดยสารจากแสงแดดและรังสี UV ที่อาจก่อให้เกิดโรคภัยต่างๆแล้ว ยังป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ต่างๆ เครื่องหนัง เบาะ เกิดความเสียหายและเสื่อมสภาพไปก่อนอายุการใช้งาน
ดังนั้นการติดฟิล์มเพื่อป้องกันจึงเป็นตัวช่วยในเรื่องเหล่านี้ให้หมดไป ซึ่งบทความนี้ได้บอกไว้แล้วถึง 5 สิ่งที่ควรรู้ ผู้ขับขี่ควรศึกษาความต้องการและวัตถุประสงค์ในการใช้งานเสียก่อน ศึกษาเอาไว้ก่อนที่จะนำรถยนต์สุดที่รักไปติดฟิล์ม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
หากรถยนต์ที่มีอยู่นั้นร้อนเสียเหลือเกิน อยู่บนรถนานๆได้ไม่ไหว ที่อาจทำให้แอร์ไม่เย็น ใครที่ยังไม่ติดฟิล์มกรองแสงที่จะช่วยให้รถนั้นเย็นลง และกำลังมองหาที่ติดฟิล์มคุณภาพ บริการดี แล้วล่ะก็ ลองเข้ามาดูได้ที่ Kaidee Auto