- HOTธนบุรี กรุงเทพมหานคร
IPad Air2 Sim
฿ 3,999 - HOTเมืองสมุทรปราการ สมุทรปราการ
Samsung Z Flip5 512gb White ปกศ.ถึง 31.10.67
฿ 18,900 - HOTสวนหลวง กรุงเทพมหานคร
Airpods Pro
฿ 2,890 - HOTสาทร กรุงเทพมหานคร
iPhone14 Plus 128GB ศูนย์ไทย
฿ 12,900 - HOTบางแค กรุงเทพมหานคร
ขาย หูฟัง Realme bud T300
฿ 400 - HOTเมืองระยอง ระยอง
Samsung Galaxy tab S9 FE 128 GB GREY WIFI 5G
฿ 15,000 - HOTดินแดง กรุงเทพมหานคร
ลำโพง Tronsmart Element T6 Max Bluetooth Speaker มีประกัน
฿ 1,700 - HOTจอมทอง กรุงเทพมหานคร
ขาย Xiaomi Mi 11 Lite 5G NE อุปกรณ์ครบเซ็ต
฿ 3,600 - HOTพนมทวน กาญจนบุรี
iPhone 8
฿ 4,700 - HOTจอมทอง เชียงใหม่
เคสUAG ไอโฟน15 promax
฿ 1,690 - HOTพนมทวน กาญจนบุรี
vivo v 27ram 12 rom 256
฿ 7,900 - HOTบ้านคา ราชบุรี
Samsung tab S7 FE LTE (ใส่ซิมโทรได้)
฿ 8,900
ทำไมต้องเลือกใช้ Samsung Galaxy S20 Ultra
และแล้วก็สิ้นสุดลงสักที สำหรับการรอคอยที่ยาวนานของเหล่าบรรดาแฟนคลับ Samsung ทั้งหลาย โดยเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2020 ที่ผ่านมา ทางค่ายโทรศัพท์มือถือยักษ์ใหญ่ Samsung ก็ได้ประกาศปล่อยตัว Samsung Galaxy S20 Series ออกมาสักที ซึ่งทางค่ายได้เคลมไว้ว่า ในการปล่อยตัว ซีรี่ S20 นี้ เปรียบได้กับการเปิดตัวกองทัพสมาร์ทโฟนที่จะมาเป็นมือถือรุ่นเรือธงของค่ายรุ่นถัดไปนั่นเอง
โดยในซีรี่ย์ S20 นี้ จะมีทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน ซึ่งได้แก่ Samsung Galaxy S20, Galaxy S20 plus และ Galaxy S20 Ultra 5G นั่นเอง
แน่นอนว่าการกลับมาในครั้งนี้ของ Samsung ก็ไม่ทำให้แฟนๆ ต้องรอเสียเที่ยวอีกเช่นเคย เขากลับมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆ คุณภาพกล้องที่อัปเดตให้คมชัด เพิ่มระดับความละเอียดขึ้นอีกเป็นเท่าตัว และยังไม่วายตบท้ายด้วยดีไซน์สุดทันสมัย ตอบสนองการใช้งานในชีวิตประจำวัน และความต้องการของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี
แต่รุ่นที่มาแรง และตอบกระแสดีมากที่สุด คงจะหนี้ไม่พ้นรุ่น Samsung Galaxy S20 Ultra หรือที่เรียกกันอย่างถนัดปากว่า Samsung S20 Ultra รุ่นนี้แน่นอน และเครื่องนี้เขาจะมาพร้อมกับฟีเจอร์อะไรบ้าง ไปดูกันเลย
ขนาด และ น้ำหนัก
รูปร่าง และหน้าตาของตัวเครื่อง Samsung Galaxy S20 Ultra เครื่องนี้ ไม่ได้แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ใน Series เดียวกันมากนัก เพียงแต่ หน้าจอของเขาจะมีขนาดที่กว้างมากกว่ารุ่นอื่นอย่างเห็นได้ชัด โดยรุ่น S20 Ultra นี้ ได้มาพร้อมกับ หน้าจอขนาด 6.9 นิ้ว เลยทีเดียว ในขณะที่รุ่น Galaxy S20 มาเพียงแค่หน้าจอขนาด 6.2 นิ้วเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ ตัวเครื่อง Galaxay S20 Ultra จึงมีขนาดใหญ่ และมีน้ำหนักมากขึ้น
ขนาดของเครื่องจะอยู่ที่ 166.9 x 76 x 8.8 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักมากถึง 220 กรัม ซึ่งเป็นน้ำหนักที่หนักพอสมควร อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก Samsung Galaxy S20 Ultra นั้น มีรูปร่างบางเฉียบ จึงไม่เป็นปัญหาต่อการถือแต่อย่างใด และยังถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่จับได้ถนัด สบายมืออีกเครื่องก็ว่าได้
หน้าจอแสดงผล
SamsungS20 Ultra มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Dynamic AMOLED 2X รองรับ HDR10+ พร้อมกับความละเอียด Quad HD+ (3200 x 1440 พิกเซล) ซึ่งจะให้การแสดงผลของภาพมีสีสันที่สมจริง เป็ฯธรรมชาติมากขึ้น ที่สำคัญ ทาง Samsung ได้มีปรับปรุงค่ารีเฟรชเรทจาก 60 Hz มาเป็น 120 Hz จึงทำให้การสัมผัสหน้าจอมีความสมูทมากยิ่งขึ้น หน้าจอไหลลื่นแบบไม่มีสะดุดแน่นอน
ในด้านของระบบความปลอดภัยในการล็อก และปลดล็อกเครื่องนั้น นอกจากผู้ใช้งานสามารถใช้ระบบ Face Recognition ผ่านกล้องหน้าได้แล้ว ผู้ใช้ยังสามารถใช้ระบบ Ultrasonic Fingerprint Sensor หรือ ระบบสแกนลายนิ้วมือ บนหน้าจอแสดงผลด้านล่าง ซึ่งมีตำแหน่งพอดีกับนิ้วมือ และได้มีการอัปเดตให้สแกนได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำมากขึ้นอีกด้วย
กล้องหลัง
จุดเด่นของ Samsung S20 Ultra คือคุณภาพกล้อง ในการถ่ายภาพนิ่ง รวมไปถึงการถ่ายวิดีโอ
ครั้งนี้ Samsung มาพร้อมกับเลนส์หลัก หรือ เลนส์ Wide ที่มีความละเอียดสูงสุดถึง 108 ล้านพิกเซล สามารถซูมเข้าด้วย เทคโนโลยี Space Zoom ซึ่งรองรับการซูมแบบออปติคอลได้ 10x และซูมได้สูงสุดถึง 100x เท่าเลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นกล้องยังสามารถรองรับการถ่ายวิดีโอด้วยความละเอียดสูงสุดถึงระดับ 8K ซึ่งเป็นขนาดความละเอียดที่สูงที่สุดในตระกูล Galaxy S20 เลยทีเดียว
โดยเมื่อมองที่ฝาหลัง จะเห็นได้ชัดเจนว่า Samsung S20 Ultra มาพร้อมกับกล้องหลังทั้งหมด 4 เลนส์ด้วยกัน ซึ่งประกอบไปด้วย
- เลนส์ Wide (ความละเอียด 108 MP ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8)
- เลนส์ Ultrawide (มุมกว้าง 120 องศา ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.2)
- เลนส์ Telephoto (ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล f/3.5)
- เลนส์ DepthVisision (เลนส์สำหรับการวัดระยะชัดลึก)
โดยทั้ง 4 ดังกล่าว ได้ถูกจัดรวมกันในกรอบสี่เหลี่ยมมุมโค้ง ซึ่งทาง Samsung ได้ให้ชื่อกรอบ ICONIC Design ซึ่งเป็นดีไซน์เฉพาะตัวของตระกูล S20 เขานั่นเอง
กล้องหน้า ในรุ่นนี้จะมีกล้องหน้าเพียงแค่ 1 เลนส์เท่านั้น โดยจะอยู่บนหน้าจอแสดงผล ที่มาในรูปแบบ Infinity-O เช่นเดียวกับตัว Galaxy Note 10 กล้องหน้ามาพร้อมกับความละเอียด 40 ล้านพิกเซล ซึ่งถือว่าเป็นความละเอียดที่สูงมากๆ สำหรับกล้องหน้า นอกจากนี้ หากใครชอบระบบรักษาความปลอดภัยแบบการสแกนใบหน้า Samsung S20 Ultra ยังคงรักษาระบบ Face Recognition ไว้เช่นเคยค่ะ
หน่วยความจำ Samsung S20 Ultra รันบนระบบปฏิการ One UI 2 บนพื้นฐาน Android 10 และมาพร้อมกับหน่วยความจำ RAM 8GB - 128GB อีกทั้งยังสามารถรองรับหน่วยความจำภายนอกจาก Micro SD card เพื่อขยายความจุเพิ่มได้มาก ถึง 1 TB เลยทีเดียว
เรียกได้ว่าหมดปัญหาเรื่องความจำเต็ม ต้องคอยลบรูป ลบ App กันไปอย่างแน่นอน
แบตเตอรี่
Samsung S20 Ultra มีขนาดแบตเตอรี่ 5,000 mAh สามารถรองรับการชาร์จไวได้ถึง 45W และ การชาร์จไร้สาย Fast Qi/ PMA Wireless Charging ได้ 15W ถือว่าเป็นขนาดความจุ แล้วความเร็วของการชาร์จ ที่ครองแชมป์อันดับหนึ่งในบรรดาสมาร์ทโฟนตระกูล S20 ของค่ายเลยค่ะ
สีสัน และ ดีไซน์
ครั้งนี้ทางค่ายได้เน้นดีไซน์ที่ให้ความหรูหรา และดูโตมากขึ้น โดยได้ลดความโค้งมนบริเวณขอบเครื่องลง จึงทำให้ตัวเครื่องมีดีไซน์ที่ดูเฉียบคม และเท่ห์มากยิ่งขึ้น
ในเรื่องของสีสันนั้น ครั้งนี้ Samsung มาในโทนสีที่ค่อนข้างสุภาพ ผิดจากรุ่นอื่นๆ รุ่น Samsung S20 Ultra มีสีในเลือกทั้งหมด 2 สีด้วยกัน ได้แก่ สีดำ Cosmic Black และ สีเทา Cosmic Grey นั่นเอง
วัสดุที่ใช้
Samsung Galaxy S20 Ultra มาพร้อมกับวัสดุอะลูมิเนียม และเคลือบด้วยกระจก Gorilla Glass 6 ทั้งด้านหน้าและหลังของตัวเครื่อง ซึ่งกระจก Gorilla Glass 6 นี้ เป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติทนทาน และสามารถตอบสนองต่อการสัมผัสได้เป็นอย่างดี ที่หน้าจอแสดงผลของเครื่องจะใช้วัสดุ ฟิลล์กระจก 2.5D เพื่อเพิ่มความสมูทในการสัมผัส ทำให้ไม่บาดมือ และไม่ทำให้หน้าจอติดรอยนิ้วมือได้ง่าย
นอกจากนี้ ตัวเครื่อง Samsung S20 Ultra ยังรองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68 อีกด้วย