7 ฟิล์มสีหาง่ายสำหรับมือใหม่ เลือกอย่างไรให้โดนใจ

7 ฟิล์มสีหาง่ายสำหรับมือใหม่ เลือกอย่างไรให้โดนใจ

ในปัจจุบันแม้ว่าเทคโนโลยีจะถูกพัฒนาไปไกลแค่ไหน แต่ความหลงใหลในกลิ่นอายของความคลาสสิกยังไม่เคยจางหายไปในทุกยุคสมัย ปรากฏการณ์การกลับมาฟื้นคืนชีพของ “กล้องฟิล์ม” และเสน่ห์ของการ “กดชัตเตอร์เพื่อ 36 รูป” เป็นหนึ่งในเทรนด์สุดฮิตในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

ในขณะที่กล้องดิจิทัลและกล้อง DSLR ได้มีการพัฒนายกระดับฟังก์ชันให้ทันสมัย สามารถกดถ่ายซ้ำได้และเช็กดูรูปภาพ หรือรูปไหนไม่ถูกใจก็ลบได้ในทันที แต่หลายคนยังคงโหยหาการเฝ้ารอคอยภาพถ่ายและลุ้นภาพที่ออกมาจากกระบวนการล้างฟิล์ม บวกกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการจะสร้างความแตกต่างและสะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นตัวของตัวเองผ่านภาพถ่ายที่ลงในโลกโซเชียล 

กระแสของกล้องฟิล์มในปัจจุบันไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่ในกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น แต่ยังมีเหล่าดารา ศิลปินจำนวนมากที่เปรียบเสมือนเป็นผู้ขับเคลื่อนวงการกล้องฟิล์มอย่างเต็มตัว ไม่ว่าจะเป็น “ลิซ่า Blankpink” “เวียร์ ศุกลวัฒน์-เบลล่า ราณี” รวมถึง “นาย ณภัทร” ที่ได้มีผลงานภาพถ่ายออกมาให้พวกเราเห็นบ่อยๆ ผ่านทางโซเชียล และกลุ่มในเฟซบุ๊กอย่าง “คนรักกล้องฟิล์ม” ที่ปัจจุบันก็ได้มีสมาชิกถึง 2.3 แสนคน สิ่งนี้จึงการันตีได้ว่ากระแสของกล้องฟิล์มได้กลับมายิ่งใหญ่อย่างแท้จริง

และเชื่อได้ว่าในตอนนี้ทุกคนคงต้องมีกล้องฟิล์มเป็นของตัวเองกันบ้างแล้ว สำหรับมือใหม่ที่พึ่งหัดถ่ายกล้องฟิล์มก็อาจเกิดคำถามว่าเราควรจะเลือกใช้ฟิล์มแบบไหนดี และก่อนจะเลือกฟิล์มจะต้องรู้อะไรบ้าง ซึ่งการเลือกฟิล์มก็มีความสำคัญไม่แพ้ไปจากการเลือกกล้องเลย เพราะว่าโทนสีของฟิล์มที่ถูกใจไม่สามารถแก้ได้ทีหลัง ต้องถ่ายให้หมดม้วนและล้างออกมาก่อนถึงจะรู้ได้ว่าภาพของเราเป็นยังไง 

ก่อนซื้อฟิล์มต้องรู้อะไรบ้าง

ทุกวันนี้ฟิล์มก็มีให้เราเลือกได้มากมายหลายโทนหลายแบบกันออกไป ซึ่งก่อนอื่นเลยเราต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่าอยากถ่ายอะไร และชอบโทนสีแบบไหน เมื่อเราได้คำตอบแล้วว่าอยากถ่ายอะไรก็จะทำให้เราสามารถเลือกโทนสีของฟิล์ม และความไวแสงได้อย่างเหมาะสม เพราะสภาพของแสงหรือสภาพอากาศมีผลต่อรูปถ่ายเป็นอย่างมาก ถ้าเลือกได้เหมาะสมก็จะทำให้ภาพถ่ายของไม่มืดเกินไปหรือสว่างจนเกินไป 

ที่สำคัญเราต้องรู้วันหมดอายุของฟิล์ม ซึ่งฟิล์มแต่ละกล่องจะระบุวันหมดอายุไว้ที่ข้างกล่องอย่างครบถ้วน แล้วถ้าฟิล์มหมดอายุเราสามารถเอามาถ่ายได้มั้ย ? คำตอบก็คือถ่ายได้ปกติ แต่สีขอองภาพที่ได้ออกมาจะดูผิดเพี้ยนไปจากปกติ ก็นับว่าเป็นความสวยงามอีกรูปแบบหนึ่งที่หลายคนก็ได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

ฟิล์มในท้องตลาดมีกี่ประเภทและแตกต่างกันอย่างไร

สีของฟิล์มมี 2 แบบ คือ ฟิล์มขาว-ดำ ที่ถ่ายออกมาแล้วจะได้รูปขาว-ดำ และฟิล์มสี ที่ถ่ายออกมาแล้วจะได้สีตามที่เห็น ซึ่งมีให้เลือกกันหลายแบบ และถ้าแบ่งตามขนาดที่ปัจจุบันนิยมใช้กันคือ 35MM เป็นขนาดที่นิยมใช้กันมากที่สุด สามารถถ่ายได้ 36 รูป มีขนาดรูปอยู่ที่ 36×34 mm ใช้ได้กับกล้องทั่วไป 

โดยข้อดีของฟิล์มขนาด 35MM คือสามารถหาซื้อได้ง่าย พกพาสะดวก และมีให้เลือกเยอะ ต่อมาคือขนาด 120MM เหมาะสำหรับกล้องที่มีขนาดใหญ่ เมื่อถ่ายแล้วได้รูปหลายขนาด ให้สัดส่วนของภาพเป็นขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัส ซึ่ง 1 ม้วน สามารถถ่ายได้ 12 รูป ข้อดีคือภาพมีความคมชัดกว่าขนาด 35MM แต่ข้อเสียคือฟิล์มจะมีขนาดใหญ่ ไม่สะดวกต่อการพกพาสักเท่าไหร่ และฟิล์ม 110MM ฟิล์มขนาดเล็กที่ผลิตมาใช้กับกล้องขนาดเล็กที่สามารถถ่ายได้ 12 และ 24 รูป ข้อเสียคือหายากและมีราคาที่สูงกว่าฟิล์มทั่วไป

ISO คืออะไร ?

เมื่อซื้อฟิล์มมาแล้วให้เราสังเกตตามกล่องฟิล์มที่จะระบุตัวเลข เช่น 100 หรือ 400 ซึ่งตัวเหล่านี้คือการบอกถึงความไวแสง หากตัวเลขน้อยหมายถึงความไวแสงต่ำ เกรนน้อย ภาพละเอียด และตัวเลขที่มากหมายถึงความไวแสงสูง เกรนชัด ดังนั้นเราควรเลือก ISO ของฟิล์มให้เหมาะสมกับสภาพแสงที่เราต้องการถ่าย หลักการในการเลือกง่ายๆ ถ้าเราต้องการถ่ายในที่มืแดด สามารถเลือก ISO ได้ตั้งแต่ 100-400 ได้เลย แต่ถ้าเราต้องการถ่ายในที่แสงน้อยหรือที่มืด ควรเลือก ISO ตั้งแต่ 800 ขึ้นไป ซึ่งสรุปได้ว่าถ้าต้องการถ่ายในที่มีแดดให้ใช้ตัวเลขน้อย แต่ถ้าต้องการถ่ายในที่มืดให้ใช้เลขสูง

1. Kodak Color Plus 200

มาที่ฟิล์มตัวแรกกับ Kodak Color Plus 200 ที่เมื่อคิดอะไรไม่ออกให้หยิบตัวนี้ไว้ก่อนเลย ซึ่งนับว่าเป็นฟิล์มที่มีจำหน่ายมาอย่างยาวนานและมีเกือบจะทุกร้าน และมีราคาที่ไม่แรงมากเช่นเดียวกัน สามารถใช้เป็นฟิล์มในยามแก้ขัดหรือจะใช้ถ่ายจริงจังก็ได้ ฟิล์มตัวนี้ใช้ได้ดีในที่แสงแดดจัด สีของฟิล์มมีความติดเหลือง แต่ถ้าเทียบกับราคาแล้วรับรองได้ว่าคุ้มค่าแน่นอน

ช่วงเวลา : ถ่ายตอนกลางวัน ในที่แสงเยอะ

แนวภาพในการถ่าย : Portrait, Landscape, Street

ราคา : 100-130 บาท 

2. Fuji Japan 100

เราเชื่อว่านี่คืออีกหนึ่งฟิล์มในดวงใจของใครหลายกับ Fuji Japan 100 ที่ให้โทนสีของภาพที่สวยเป็นเอกลักษณ์ที่ใครเห็นก็ต้องร้องอ๋อ ซึ่งไม่ว่าจะถ่ายภาพที่ไหนก็จะทำให้ภาพของเรามีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่น เหมาะกับการถ่ายในที่สภาพแสงจ้า แต่ถ้าแสงน้อยต้องระมัดระวังภาพเบลอ ซึ่งไม่ว่าจะถ่ายคนหรือถ่ายวิวรับรองได้ว่าสวยทุกรูป

ช่วงเวลา : ถ่ายตอนกลางวัน ให้โทนสีอมเขียวอารมณ์ญี่ปุ่น

แนวภาพในการถ่าย : Portrait, Landscape, Natural 

ราคา : 150-190 บาท 

3. Lomography 100

สำหรับใครที่มีความชอบภาพสีสดบอกเลยว่า Lomography 100 จะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน ตัวฟิล์มตัวนี้ให้ ISO เหมาะกับถ่ายในวันที่แสงแดดจัด ให้สีสดที่สวยงาม แต่ไม่สีจัดจนเกินไป เพราะยังคงความนุ่มนวลและสบาย เหมาะสำหรับถ่ายคนหรือถ่ายแฟชั่น

ช่วงเวลา :  ภาพมีความสีสันจัดจ้าน เหมาะถ่ายในวันที่มีแดดจัด

แนวภาพในการถ่าย : Portrait, Street 

ราคา : 170-200 บาท 

4. Kodak Portra 160

สำหรับใครที่ชอบโทนสีจริงแบบที่ไม่ได้มีสีสันมากต้องบอกเลยว่าฟิล์มตัวนี้ตอบโจทย์ที่สุดกับ Kodak Portra 160 ที่ให้ความละเอียดของภาพไม่แพ้ตัวอื่นเลย โดย ISO 160 ที่แปลกกว่าปกติจะให้ถ่ายได้ในแสงทั่วไป ให้ความรู้สึกภาพที่นุ่มนวล และยังคงความสีจัดไว้อยู่ แต่แสงไม่แข็งจนเกินไป ซึ่งเป็นอีกหนึ่งฟิล์มที่ถ่ายอะไรก็รับรองว่าสวยถูกใจ

ช่วงเวลา : ให้ภาพ Contrast จัด เกรนละเอียด และโทนสีอมฟ้า

แนวภาพในการถ่าย : Portrait, Landscape, Street

ราคา : 240-270 บาท 

5. Lomography 800

ฟิล์มอีกหนึ่งตัวที่มีค่า ISO สูง จึงทำให้สามารถถ่ายภาพในเวลากลางคืนได้ และยังความสดของสีที่จัดจ้านตามแบบฉบับของ Lomo ซึ่งถ่ายตอนกลางวันก็สวย ถ่ายตอนกลางคืนก็ดี สำหรับใครที่กำลังมองหาฟิล์มไว้ถ่ายคอนเสิร์ต หรือถ่ายกลางคืน ต้องบอกเลยว่าตัวนี้ตอบโจทย์สุดๆ

ช่วงเวลา : เหมาะสำหรับถ่ายภาพในที่แสงน้อย โดยให้สีที่ออกมาตามสไตล์ Lomo

แนวภาพในการถ่าย : Portrait, Street 

ราคา : 240-260 บาท

6. Agfa Vista 400

เป็นอีกหนึ่งฟิล์มที่ได้ทำการเลิกผลิตไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งต้องบอกเลยว่าฟิล์มตัวนี้เป็นฟิลืมที่หลายคนชอบโทนสีมากๆ เพราะให้โทนสีที่สด เหมาะถ่ายในวันที่แดดจัดและมี Contrast จัด สีสันสมจริง ผสมกับเกรนเล็กน้อยได้แบบพอดี ถ้าใครชอบตัวนี้ต้องใช้แต้มบุญพยายามตามหาซื้อกันหน่อยนะ

ช่วงเวลา : สีสันจัดให้ Contrast และเกรนเล็กน้อย

แนวภาพในการถ่าย : Portrait, Street

ราคา : 250-300 บาท 

7. Cine Still 800

ปิดท้ายด้วยฟิล์มระดับโปรที่ถ่ายในที่แสงน้อยได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยความที่ ISO สูงมากๆ จึงไม่แปลกใจที่จะถ่ายในที่แสงน้อยได้ดี แต่หากถ่ายด้านนอกต้องอาจระวังเป็นพิเศษ เพราะมีความเสี่ยงที่จะทำให้รูปเสีย แต่ถ้าเอาไปถ่ายคนจะให้ภาพที่ผิวเนียนกริบ ถ่ายไฟในยามค่ำคืนหรือในสตูดิโอรับรองต้องชอบแน่นอน 

ช่วงเวลา : เหมาะสำหรับถ่ายในที่มืด หรือเล่นกับแสงไฟนีออนจะสวยมาก

แนวภาพในการถ่าย : Portrait, Lighting, Studio

ราคา : 450-480 บาท  

สรุป

จบไปแล้วกับ 7 ฟิล์มสีที่เราได้นำมาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกัน ต้องบอกเลยว่าฟิล์มแต่ละแบบนั้นมีความสวยและน่าลองนำมาถ่ายไปหมดทุกแบบ แต่กว่าจะได้ฟิล์มที่สวยถูกใจเราที่สุดก็ควรจะเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับแนวทางในการถ่ายภาพ เพราะฟิล์มบางชนิดจะเหมาะกับการถ่ายคน แต่เมื่อเอามาถ่ายวิวอาจจะไม่สวยเท่าที่ควร และที่สำคัญอย่าลืมเลือก ISO ให้เหมาะสมกับสภาพของแสงที่เราต้องการถ่าย เพื่อให้ภาพออกมาสวยถูกใจและถ่ายภาพฟิล์มได้อย่างมีความสุข

สำหรับใคที่รกำลังตามหาซื้อฟิล์มที่ชอบกันอยู่ สามารถเข้ามาลองเลือกดูได้ที่ Kaidee ซึ่งเป็นเว็บไซต์ขายของออนไลน์ที่มีสินค้ามากมายหลายประเภทที่ไม่ได้มีเพียงแค่ฟิล์มเท่านั้น ยังไงอย่าลืมลองเข้ามาเลือกซื้อเลือกชมกันดูนะครับ

สอบถามข้อมูลอื่นๆ หรือสิทธิพิเศษเพิ่มเติม

กรุณาสแกนคิวอาร์โค้ด หรือเพิ่มเพื่อนด้วยไอดีไลน์ @kaideeofficial