เอาชีวิตรอดจาก “เพื่อนร่วมงานจิตป่วง” (Toxic People)

เอาชีวิตรอดจาก “เพื่อนร่วมงานจิตป่วง” (Toxic People)

จ้องจับผิดทุกฝีก้าว มาทำงานกี่โมง ทำงานถึงขั้นตอนไหน หัวหน้าพูดว่าอะไร รู้หมด !
ยังไม่พอ เอาไปพูดต่อจนรู้ทั้งแผนก เพื่อนร่วมงานแบบนี้ ยังไงกันคะเนี่ย ?

เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนคงเคยประสบพบเจอเหตุการณ์แบบนี้กันมาบ้าง บางคนสู้ยิบตาจนแทบกระอักเลือด บางคนยอมแพ้จนต้องยกธงขาวลาออกจากบริษัท แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม การเตรียมตัวให้พร้อมอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า และวันนี้เราจะมาชี้ช่องทางเอาตัวรอดจากเพื่อนร่วมงานจิตป่วง จะสนุกขนาดไหน ลองแกล้ง ๆ อ่านกันได้

“Toxic People”

คนพวกนี้มักจะพ่นพิษร้ายทำลายความสำราญใจผู้อื่นอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นคำพูด การกระทำ
หรือแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ คนพวกนี้ก็จะหาทางสร้างเรื่องขึ้นมาจนได้ แต่เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น มาทำความรู้จักเหล่า Toxic People แต่ละประเภทกันหน่อยดีกว่า

1. นักนินทามือวางอันดับ 1 (The Gossip)

จิตใจที่ยิ่งใหญ่จะวิพากษ์วิจารณ์ความคิด
จิตใจสามัญจะวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์
แต่จิตใจที่ต่ำต้อยจะวิพากษ์วิจารณ์เพียงผู้คน

 – Eleanor Roosevelt

คนพวกนี้มักจะนินทาว่าร้ายผู้อื่นอยู่เสมอ พวกเขาจะรู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ใจของผู้อื่น พวกเขาจะนินทาไปซะทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องส่วนตัวไปจนถึงหน้าที่การงาน แรก ๆ คนที่โดนอาจจะรู้สึกว่าปกติ ใคร ๆ ก็โดนนินทาได้ แต่พอนาน ๆ ไป มันเหมือนพิษร้ายที่สั่งสมในร่างกาย รู้ตัวอีกทีก็ทุกข์ใจจนแทบทำงานไม่ได้ไปซะแล้ว ..

2. เหล่าพายุอารมณ์ (The Temperamental)

คนประเภทนี้จะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองให้แน่นอนได้ อารมณ์ของพวกเขาจะขึ้น ๆ ลง ๆ ตลอดเวลา สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ พวกเขาจะพัดพายุอารมณ์ใส่คุณอย่างรุนแรง ราวกับคุณเป็นที่ระบายอารมณ์ของพวกเขา และไม่ว่าคุณจะทำอะไร คนพวกนี้มักจะหงุดหงิดและหัวเสียอยู่เสมอ ทางที่ดีหาตรงกลางและพยายามรักษาระยะห่างจะดีกว่า

3. รับบทผู้ถูกกระทำ (The Victim)

ถ้าเพื่อน ๆ เคยดูละครเรื่องแรงเงา (ละครบ่งบอกอายุผู้เขียนมาก) คงจะคุ้นเคยกับตัวละครที่ชื่อว่า “น้องนก” เพราะน้องนกจะรับบทผู้ถูกกระทำที่น่าสงสารอยู่เสมอ ตั้งแต่การบอกว่าชีวิตของตัวเองย่ำแย่ โดนกลั่นแกล้งสารพัด ทั้ง ๆ ที่ความจริงไม่ใช่แบบนั้นเลย

The Victim ก็เช่นกัน พวกเขาจะรับบทเหยื่อผู้น่าสงสาร ตั้งแต่เรื่องเล็ก ๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ ปัดความผิดไปให้ผู้อื่นอยู่เสมอ ไม่เห็นคุณค่าของความยากลำบากว่ามันทำให้เราเติบโตขึ้น แต่กลับมองว่ามันเป็นสิ่งไม่ดี โทษทุกสิ่งอย่างที่ทำกับตนเอง โดยไม่ได้คิดเลยว่าแล้วตนเองเป็นคนอย่างไร ควรทำอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น

4. อิจฉา อิจฉา อิจฉา !! (The Envious)

“สนามหญ้าของบ้านคนอื่นมักจะเขียวกว่าบ้านของเรา”
คนประเภทนี้มักไม่พอใจในความสำเร็จหรือสิ่งที่ตนเองได้ แม้ว่าพวกเขาจะทำได้ดีมากแล้วก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขามักจะมองว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ โดดเด่นกว่าเสมอ (และความรู้สึกที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่ความรู้สึกเชิงน้อยเนื้อต่ำใจซะด้วยสิ) ผลต่อมาคือพวกเขาจะเหน็บแนมผู้อื่น และพยายามพูดจาทำร้ายความรู้สึกจนคน ๆ นั้นรู้สึกด้อยค่า ไร้ประสิทธิภาพ แค่คิดก็รู้สึกเศร้าแล้ว จริงไหมล่ะ

5. จอมบงการ (The Manipulator)

คนพวกนี้มักจะดูดเวลาและพลังงานดี ๆ ออกจากชีวิตคุณ พวกเขาจะทำทุกอย่างประหนึ่งว่าคุณเป็นเพื่อน ทำทุกอย่างเหมือนหวังดี รู้ว่าคุณชอบอะไรไม่ชอบอะไร อะไรที่ทำให้คุณมีความสุข แต่แท้จริงแล้วใครจะรู้ว่าไม่ใช่แบบนั้นเลย พวกเขามีความลับซ่อนอยู่ และต้องการบางสิ่งจากคุณอยู่เสมอ ที่สำคัญคุณจะไม่ได้อะไรจากพวกเขาเลย .. น่าเศร้าที่ต้องบอกว่าบางคนติดอยู่กับความสัมพันธ์แบบนี้เป็นเวลานาน จนไม่ได้ทันคิดว่าพวกเขาคือ Toxic People มากกว่าจะเรียกว่าเพื่อน

6. ผู้คุมวิญญาณ (The Dementor)

ถ้าเพื่อน ๆ เคยดู Harry Potter จะมีตัวละครหนึ่งที่เรียกว่า “ผู้คุมวิญญาณ” ปีศาจที่คอยดูดกลืนจิตวิญญาณออกจากร่างของเหล่าพ่อมดแม่มด เวลาผู้คุมวิญญาณไปที่ไหน ตรงนั้นจะเย็นยะเยือก เต็มไปด้วยความหม่นเศร้าราวกับว่าชีวิตจะไม่มีความสุขอีกแล้ว J. K. Rowling บอกว่าเขามีแนวคิดตัวละครดังกล่าวจากบุคคลที่มีแต่ความคิดเชิงลบ เพราะเวลาคนประเภทนี้อยู่ในชีวิตใครสักคน คน ๆ นั้นก็มักจะสัมผัสได้ถึงความไม่หฤหรรษ์ของชีวิตได้ทันที

เช่นเดียวกันกับ Toxic People ประเภทนี้ พวกเขาจะมีแต่ความคิดลบ เต็มไปด้วยการมองโลกในแง่ร้าย และปฏิเสธทุกสิ่งที่ไม่ตรงกับความคิดตนเอง และจากการศึกษาของ Notre Dame University พบว่า เมื่อนำนักเรียนไปอยู่กับรูมเมทที่มองแต่แง่ลบ พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะคิดลบ และมีภาวะซึมเศร้าอีกด้วย

7. เลวโดยตั้งใจ (The Twisted)

Toxic People อีกประเภทที่ไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น จ้องแต่จะทำลายความรู้สึก
ทั้งการกระทำ คำพูด หนำซ้ำยังทำให้คุณรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขามองข้ามความทุกข์และความเจ็บปวดเหมือนกับว่าพวกคุณเป็นผักปลา ข้อดีคือคุณสามารถเห็นพิษร้ายพวกนี้ได้เร็ว ฟิลแค่เห็นก็รู้แล้วว่าคน ๆ นี้ นิสัยไม่ดี ซึ่งก็ทำให้คุณถอยออกมาจากพวกเขาได้เร็วเช่นกัน

8. พวกชอบตัดสิน (The Judgmental)

อะไรดีไม่ดีพวกเขาบอกได้ แต่พวกเขาจะใช้คำพูดดูถูกและพูดจาถากถางความรู้สึกแทนที่จะพูดด้วยความเข้าใจ แค่คิดก็รู้สึกแย่แล้วใช่ไหม ลองนึกถึงคนที่เจอกับตัวสิ ไม่ต้องคิดเลยว่าพวกเขาต้องทุกข์ใจมากแค่ไหน เพราะคงไม่มีใครที่ชอบให้คนอื่นมาพูดจาไม่น่ารักใส่หรอก จริงไหม ?

9. เถียงเก่ง แย้งทุกเรื่อง (The Arrogant)

พวกเขาจะโต้แย้งและเถียงคุณแทบทุกประเด็น อีกทั้งยังมองว่าทุกอย่างที่คุณทำคือการแข่งขันกับพวกเขา ซึ่งจากการศึกษาของ University of Akron พบว่า คนเย่อหยิ่งมักมีความสัมพันธ์กับปัญหาต่าง ๆ ในที่ทำงาน อีกทั้งคนประเภทดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพการทำงานค่อนข้างต่ำ มักโต้แย้งอยู่เสมอ และมีปัญหาความรู้ความเข้าใจมากกว่าคนทั่วไป

เราจะเอาชีวิตรอดยังไงดี ?

จริง ๆ ก็มีหลากหลายวิธีที่ที่เพื่อน ๆ สามารถทำได้ แต่เราขอเลือกวิธีที่คิดว่าเวิร์คมาให้ (แอบมาจากประสบการณ์ด้วยนิด ๆ ) ถึงตรงนี้จะมีอะไรบ้าง เชิญอ่าน

ทำความเข้าใจพวกเขาซะหน่อย

ไม่ใช่ให้ยอม แต่เราอยากให้คุณทำความเข้าใจถึงสิ่งที่พวกเขาเป็น สิ่งที่พวกเขาทำ ว่ามันเกิดจากอะไร เป็นเพราะความกังวล นิสัย หรือเหตุผลอื่น ๆ เมื่อเราพยายามทำความเข้าใจแล้ว เราอาจจะเห็นมุมที่กว้างขึ้น รู้ว่าควรจัดการและรับมือกับพวกเขาอย่างไร เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ทุกคนล้วนมีความแตกต่างกัน ไม่มีใครเหมือนกันขนาดนั้นหรอก จริงไหม ?

คุยด้วยได้ แต่ไม่สุงสิง

การทำงานร่วมกัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางครั้งคุณก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับพวกเขาได้ ดังนั้นท่องไว้ค่ะ มืออาชีพ ๆ ๆ จากนั้นยิ้มเยอะ ๆ ทำทุกอย่างให้เป็นมืออาชีพที่สุด แม้ว่าจะเจอพฤติกรรมที่เป็นปัญหาหรือคำพูดบางอย่างที่ส่งผลต่อจิตใจก็ตามที

สำคัญที่สุดคือการแยกแยะเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัวออกจากกันให้ได้ ในกรณีที่พวกเขาทำให้เรื่องงานมีปัญหา ทางเราว่าคุณสามารถแจ้งหัวหน้าได้ แต่นอกเหนือเรื่องงานเราว่าควรเว้นระยะห่าง คุยได้พอเป็นพิธี อย่าลืมนะว่าเซฟคนอื่นแล้ว ต้องเซฟใจตัวเองด้วย

เช็กตัวเองให้แน่ใจว่า “ฉันไม่ใช่ตัว Toxic”

ไม่ชอบคนแบบไหน อย่าเป็นคนแบบนั้น พยายามสำรวจตัวเองเสมอว่าเรากำลังเป็นพิษกับคนรอบตัวเองหรือเปล่า ลองมองทีละประเด็น ๆ ไม่ว่าจะเรื่องความสัมพันธ์ นิสัยใจคอของตนเอง อารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ เผลอคุณอาจเข้าใจตัวเองมากขึ้นก็ได้

ไม่จำเป็นต้องอธิบาย

ให้จำไว้เสมอว่าเราเป็นอย่างไร เรารู้ตัวเองดีที่สุด คุณไม่จำเป็นต้องพูดหรือแก้ตัวอะไรกับพวกเขาเลย เพราะต่อให้พูดไปเขาอาจจะฟัง แต่ถามว่าเขาเข้าใจคุณจริง ๆ หรือเปล่า คุณคงรู้คำตอบดีว่าคืออะไร ดังนั้นอยู่เฉย ๆ เป็นตัวของตัวเองดีกว่า

อย่าคาดหวังการเปลี่ยนแปลง

พูดกันตรง ๆ ก็คือไม่ต้องคาดหวังการเปลี่ยนแปลงจากบุคคลเหล่านั้น ทำตัวเองให้มีความสุขก็เพียงพอแล้ว ไม่ได้โลกสวย แต่อะไรที่ทำให้ตัวเองสบายใจได้ ทำไปเถอะ ดีกว่ามานั่งทุกข์ใจ เพราะเมื่อเราเกิดความทุกข์ ผลงานก็อาจจะออกมาได้ไม่ดีอย่างที่ควร รู้แบบนี้แล้วหาสิ่งที่จรรโลงใจกันดีกว่า

ให้อภัยแต่ไม่ลืม 🙂

สุดท้ายแล้วอะไรจะดีไปกว่า “การให้อภัย” เรารู้ว่าทำยาก แต่ให้จำไว้ว่าที่ต้องทำแบบนี้ คือการทำเพื่อให้ตัวเองให้หลุดพ้นจากความทุกข์ใจ ซึ่งการให้อภัยในทีนี้ไม่ใช่ยอมรับพฤติกรรมแย่ ๆ แต่ให้เข้าใจความเป็นไปของชีวิตที่ต้องมีวันที่ดีและร้ายเป็นธรรมดา แต่ แต่ แต่
อย่าลืมว่าพวกเขาปฏิบัติและกระทำต่อคุณอย่างไร เพื่อให้เราสามารถตั้งรับสิ่งที่จะเกิดในอนาคตได้ หากเกิดเหตุการณ์คล้าย ๆ กันขึ้นอีก

แบบนี้ต้องรายงาน !

นับ 1- 10 ก็แล้ว หายใจเข้า หายใจออกก็แล้ว แต่ถ้ามันอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป
ไปค่ะ ! แจ้งให้หัวหน้าหรือคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจโล้ดดด เพื่อให้พวกเขาเข้าใจถึงสถานการณ์ หรือเหตุการณ์ที่คุณกำลังเจออยู่ เพื่อที่พวกเขาจะได้เข้าใจและช่วยหาทางออก อย่าหลงไปเล่นเกมกับพวกเขาเลย คุณจะเหนื่อยเปล่า ๆ

สรุปท้ายบทความ

ชีวิตคนเรามันสั้น ดังนั้นเราควรเจอสิ่งดี ๆ รายล้อมด้วยผู้คนที่รักเรามากกว่าจมจ่อมอยู่กับอะไรแย่ ๆ หวังว่าบทความนี้จะช่วยทุกคนรอดพ้นและปลอดภัยจากพลังงาน Toxic ราวกับผู้ชนะในสังเวียนเลือด ใช้ชีวิตให้มีความสุขเถอะ แต่ถ้ารู้สึกไม่ไหวจริง ๆ การอดทนไม่ใช่คำตอบ หางานใหม่กันดีกว่า

“I will not allow anyone to walk in my mind with dirty feet.”

Mahatma Gandhi

ด้วยรักและห่วงใย 🙂

สอบถามข้อมูลอื่นๆ หรือสิทธิพิเศษเพิ่มเติม

กรุณาสแกนคิวอาร์โค้ด หรือเพิ่มเพื่อนด้วยไอดีไลน์ @kaideeofficial